หากจะมี “หนึ่งคำ” ที่จะพูดถึงการเติบโตที่โดดเด่นในปี 2020 คงหนีไม่พ้น DEFI ซึ่งถือเป็นการพัฒนาวงการ crypto ที่ใหญ่ที่สุดและการเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคธุรกิจนี้ก็ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาได้มากมาย
ในช่วงต้นปี ราคา Bitcoin ( BTC ) อยู่เหนือ 7,000 ดอลลาร์ แม้จะมีการประโคมข่าวการมาถึงของ halving อย่างมากมาย แต่สุดท้ายก็ผ่านไปแบบเงียบเหงา เนื่องจากราคา Bitcoin แทบไม่ขยับเพิ่มขึ้นดังที่หลายคนคาดหวัง จากนั้นก็เกิดการระบาดของไวรัส COVID-19 และเกิดการปรับฐานอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งมันก็ทำให้เกิดความผิดพลาดของ Bitcoin และตลาดคริปโตทั้งหมดเช่นเดียวกัน โดยเรียกกันว่าเป็นวัน “Black Thursday” ซึ่งทำให้ราคาของ BTC ดำดิ่งลงสู่ 3,782 ดอลลาร์ในวันที่ 12 มีนาคม
แต่ในขณะที่สิ่งต่าง ๆ กำลังดูมืดมนอย่างสุด ๆ สำหรับ Bitcoin รวมถึงระบบนิเวศทางการเงินทั่วโลก ในภาคส่วนของ decentralized finance กลับเริ่มร้อนแรงขึ้น
การเกิดขึ้นของ DeFi ทำให้เกิดกระแสความนิยมขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการให้ผลตอบแทนสูงแก่นักลงทุนโดยมากกว่าสิ่งที่การเงินแบบดั้งเดิมจะให้ได่ และในแง่ของมูลค่าเงินรวมที่ถูกล็อคไว้ (มูลค่าของสินทรัพย์ที่ผูกเข้ากับโปรโตคอล) ปริมาณธุรกรรม และมูลค่าตลาดของแพลตฟอร์ม DeFi จำนวนมาก และโทเค็นที่เกี่ยวข้องนั้นก็เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด
ในวันที่ 1 มกราคม มีเงินถูกล็อคไว้ใน smart contracts ของ DeFi ประมาณเกือบ $700 ล้าน ตามข้อมูลจาก DeFi Pulse และจากนั้นก็เริ่มมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2020 ปรากฏการณ์ของ “yield farming” ในพื้นที่ของ DeFi ทำให้เราได้เห็นแพลทฟอร์มมากมายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็น Sushi swap, Balancer, YFI, Curve, Uniswap, Compound
มีโครงการ DeFi อันดับต้น ๆ เกิดขึ้นมากมาย และได้รับความนิยมจากการทำฟาร์มที่ให้ผลตอบแทนอย่างน่าประทับใจ ซึ่งจนถึงปัจจุบันพวกเขาก็ยังคงเติบโตและนำเสนอแนวคิดทางการเงินใหม่ ๆ ที่จะมาปฏิวัติวงการ ซึ่งสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของสกุลเงินดิจิทัลและการเงินแบบเดิม ๆ
Uniswap
Uniswap เป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดความนิยมในภาค DeFi โดยเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ทุกคนสามารถสร้างและลิสต์โทเค็นบน Ethereum blockchain โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเหมือนเช่นเว็บเทรดทั่วไป
Uniswap เปิดตัวในปี 2018 และมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วงชีวิตในปี 2020 จากที่เคยมีโวลลุ่มน้อยกว่า $1 ล้าน ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่ในช่วงที่ DeFi บูมนั้น Uniswap มีสภาพคล่องหลายพันล้านดอลล่าร์และมีปริมาณโวลลุ่มสูงสุดเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์
ในเดือนกันยายนปีนี้ Uniswap ก็ได้เปิดตัวโทเค็น UNI ของตนเองและมีการแจก Airdrop ให้แก่กระเป๋าเงินที่เคยใช้งานมาก่อน โดยขั้นต่ำคือ 400 UNI Token ซึ่งมีมูลค่าเกือบ ๆ 40,000 บาท (ราคาในช่วงนั้น) ต่อ address เลยทีเดียว และทำให้เกิดความตื่นเต้นอย่างมากในหมู่ชุมชนคริปโต และผลักดันให้ราคาของ UNI สูงถึง 8.39 ดอลลาร์ในช่วงสั้น ๆ ซึ่งเท่ากับเงินฟรีที่แจกมานั้นจะมีมูลค่ามากกว่า 99,000 บาทเลยทีเดียว
Yearn.finance : Masters แห่งการทำฟาร์ม
Yearn.finance และโทเค็นของตนเองอย่าง YFI กลายเป็นมาตรฐานในพื้นที่ของ DeFi ไปแล้ว เนื่องจากทีมงานของโครงการได้รวมเอาคุณสมบัติที่ดีที่สุดของ smart contracts และระบบการเงินแบบดั้งเดิม เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อนักลงทุน
ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าโทเค็น YFI ซื้อขายที่ราคา 790 ดอลลาร์ในวันที่ 17 กรกฎาคม แต่หลังจากนั้นราคาของโทเค็นก็พุ่งอย่างต่อเนื่องจนไปสูงเกิน 43,000 ดอลลาร์
Yearn.finance อาจถือเป็นเรื่องราวความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ yield farming และได้สร้างชุมชนนักพัฒนาและผู้ใช้ที่มีการกระจายอำนาจและเป็นมืออาชีพ โดยทีมงานของโครงการยังคงส่งมอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และนวัตกรรมอื่น ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่ยังคงขับเคลื่อนด้วยชุมชนและการกระจายอำนาจ
SushiSwap : ภาคต่อของ Uniswap
SushiSwap ซึ่งอาจถือว่าเป็นภาคต่อของ Uniswap เนื่องจากรวมเอารวมกลไก yield farming ที่กำลังได้รับความสนใจจากชุมชน DeFi ในเวลานั้น
ราคาโทเค็น SUSHI เคยสูงถึง 15 ดอลลาร์ หลังจากเปิดตัวมาในราคา 0.15 ดอลลาร์ และดึงดูดเงินทุนในการทำฟาร์มได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
แต่หลังจากนั้น ผู้สร้างที่เรียกตัวเองว่า “Chef Nomi” ได้ขายโทเค็น SUSHI มูลค่าเกือบ 14 ล้านดอลล่าร์ไปเป็น Ethereum เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาโครงการ ซึ่งทำให้ชุมชนโกรธมากและพูดกันไปถึงว่านี่เป็นการ rug pull หรือ exitscam เลยก็มี
แต่หลังจากนั้น Chef Nomi ก็ประกาศถอนตัวออกจากโครงการไป และได้คืนเงินทั้งหมดจากการขาย SUSHI และมอบการควบคุม SushiSwap ให้กับ Sam Bankman-Fried ซีอีโอของ FTX Bankman-Fried และ Sam ก็ได้ส่งการควบคุมคืนกลับสู่ชุมชนในเวลาต่อมา
และแม้จะมีเรื่องอื้อฉาวนี้ แต่ชุมชนก็ยังคงสร้างแพลตฟอร์มต่อไป และการควบรวมกิจการระหว่าง Yearn.finance และ SushiSwap ล่าสุด ก็ช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในโครงการได้อย่างมาก
ปัจจุบัน SushiSwap มีสภาพคล่องที่ถูกล็อคอยู่ที่ประมาณ 1.13 พันล้านดอลลาร์ และโทเค็น SUSHI ก็ได้แตะระดับสูงสุดที่ระดับ 3.00 ดอลลาร์
1INCH : Airdrop ตัวล่าสุด
1inch Exchange ซึ่งเป็น DEX ชั้นนำอีกหนึ่งแห่ง ได้เปิดตัวโทเค็นของตนเอง ซึ่งจะใช้ในการกำกับดูแลและเป็นโทเค็นยูทิลิตี้ โดยมีชื่อว่า 1inch ( 1INCH ) ซึ่งได้มีการแจก Airdrop ให้กับผู้ใช้ที่มีสิทธิ์กันไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม
กระเป๋าสตางค์ที่เคยใช้งานโปรโตคอลก่อนวันที่ 24 ธันวาคมจะมีสิทธิ์ได้รับโทเค็น โดยหากตรงตามเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งคือ ทำการซื้อขายก่อนวันที่ 15 กันยายน , ทำการซื้อขายทั้งหมดอย่างน้อย 4 ครั้ง , หรือทำการซื้อขายเป็นจำนวนเงินอย่างน้อย $20
โดยในช่วงแรกที่มีการเปิดให้ซื้อขายโทเค็นบน Binance ราคานั้นพุ่งไปสูงถึง $3 เลยทีเดียว จากราคาเริ่มต้น $0.2
นอกจากนี้ยังพบว่า มีคนที่รับโทเค็นไปสูงสุดถึง 9,749,686.003 โทเค็น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 27.5 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
กระแส DeFi เริ่มตก เมื่อ Bitcoin ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่
ความสนุกของ DeFi เริ่มลดลงในเดือนตุลาคม แม้ว่าจำนวนเงินที่ล็อคในโปรโตคอล DeFi จะยังคงเพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นนั้นก็อยู่ในอัตราที่ช้าลงมาก ขณะที่ปริมาณโวลลุ่มของ DEX ทั้งหมดที่เคยอยู่ที่ประมาณ $8 พันล้านในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ก็ลดลงเหลือ $6 พันล้านในเดือนกันยายน และจากนั้นก็ลดลงกว่า 40% ในเดือนตุลาคมเพื่อจนต่ำกว่า $3 พันล้าน
สาเหตุที่ DeFi สูญเสียความเปล่งประกายไปนั้น เป็นเพราะความร้อนแรงของ Bitcoin โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม Bitcoin มีมูลค่าประมาณ 10,500 ดอลลาร์ จากนั้นก็เริ่มเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในปี 2017 ลงได้ และก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป โดยปัจจุบันสถิติสูงสุดอยู่ที่ $28,422 บน Binance
แต่ถึงกระนั้น DeFi ก็ได้กลายเป็นอีกวิธีที่มีค่าในการหารายได้พิเศษจาก crypto โดยปัจจุบันมูลค่ารวมที่ถูกล็อคก็ยังสูงถึง $13 พันล้าน และเชื่อได้ว่าในปีหน้า การใช้งาน DeFi ก็จะยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นเดิมเนื่องจากดอกเบี้ยธนาคารไม่อาจสู้ผลตอบแทนของ Defi ได้ด้วยประการทั้งปวง
