ราคาของ Bitcoin ( BTC ) สามารถทะลุ 11,000 ดอลลาร์ไปได้ในเว็บเทรดหลัก ๆ รวมถึง Coinbase และ Binance สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกือบสองสัปดาห์ที่มีความผันผวนต่ำเนื่องจากตลาด cryptocurrency ยังคงนิ่งและราคา Bitcoin ถูกตรึงไว้ต่ำกว่าแนวต้านหลายระดับ
แตกต่างจากการเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ที่เห็นว่า Ether ( ETH ) เป็นผู้นำในการเพิ่มขึ้นของ Bitcoin แต่ตอนนี้มีเพียง BTC เท่านั้นที่ขยับสูงขึ้นในขณะที่สกุลเงินหลักอื่น ๆ ยังคงเป็นสีแดง รวมถึง Decentralized finance โทเค็น( DeFi ) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า BTC ตลอดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็มีประสิทธิภาพต่ำกว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเช่นกัน
Negative funding rates
แนวโน้มขาขึ้นล่าสุดของ Bitcoin มีรูปแบบที่ผิดปกติมากมาย เมื่อเทียบกับแนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้านี้ โดย BTC มีการเพิ่มขึ้นด้วยตัวเองในช่วงสามวันที่ผ่านมาพร้อมกับ negative funding rates
Funding เป็นกลไกที่ใช้ใน Bitcoin futures exchanges เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีความสมดุลในตลาด หากนักเทรดส่วนใหญ่ในตลาดเดิมพันด้วยการ short ผู้ถือ short contract จะต้องชดเชยให้แก่ long holder ซึ่งการผกผันของกระบวนการนี้มีผลกับนักเทรดระยะยาว
ด้วยข้อมูลจาก Skew แสดงให้เห็นว่า Bitcoin funding rates ยังคงติดลบเป็นส่วนใหญ่ในเว็บเทรดที่สำคัญ ๆ และสิ่งนี้บ่งชี้ว่านักเทรดยังคง short BTC ในระยะสั้นแม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวสูงขึ้นก็ตาม
Patrick Dugan ผู้ก่อตั้ง TradeLayer กล่าวว่า BitMEX มีสภาพคล่องลดลงเมื่อเทียบกับระดับที่เห็นในเดือนมีนาคม โดย open interest ของเว็บเทรด futures ได้ลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมการซื้อขาย futures ลดลง
11,000 ดอลลาร์ยังคงเป็นแนวต้าน
ถึงกระนั้นก็คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 11,000 ดอลลาร์ นักเทรดได้ระบุว่าพื้นที่ $11,000 – $11,300 เป็นแนวต้านที่สำคัญ และมีความเป็นไปได้สูงที่การเทขายอาจเกิดขึ้นและ $10,100 และ $10,500 ยังคงเป็นระดับแนวรับที่สำคัญ
เมื่อวันที่ 15 กันยายน Michael van de Poppe เทรดเดอร์กล่าวว่าฝ่าด่าน 10,900 ดอลลาร์น่าจะส่งผลให้ไปถึง 11,300 ดอลลาร์
แต่การเพิ่มขึ้นของ BTC เพื่อไปสูงกว่า 11,300 ดอลลาร์นั้นยากที่จะคาดการณ์ จากผลการเคลื่อนไหวล่าสุด หลังจากที่มันร่วงลงอย่างรุนแรงจาก $12,500 ทำให้ระดับ 11,300 ดอลลาร์เป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง
การประชุม FED
การเพิ่มขึ้นของ Bitcoin ยังใกล้เคียงกับการฟื้นตัวของทองคำ และการปรับตัวขึ้นระหว่างวันของตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยแนวโน้มขาขึ้นพร้อมกันเกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐประกาศตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0 ออกไปอีกหลายปี
อ้างอิง : LINK