การรักษาความปลอดภัยเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) โดยระหว่างปี 2020 ถึง 2022 แฮ็กเกอร์ขโมยเงินไปกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ผ่านช่องโหว่ของ cross-chain bridges ตามที่ข้อมูลจาก Token Terminal แสดงให้เห็น
ต้นตอของปัญหาเกี่ยวกับ bridges ทั้งหมดมาจาก “ช่องโหว่โดยธรรมชาติ” Theo Gauthier ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Toposware กล่าว ซึ่งจากข้อมูลของ Gauthier ไม่ว่า bridges จะปลอดภัยเพียงไรก็ตามแต่ก็ยังคงต้อง “ต้องพึ่งพาความปลอดภัยของ chains ที่เชื่อมต่อทั้งหมดด้วย” ซึ่งหมายความว่าการถูกละเมิดหรือจุดบกพร่องใด ๆ ภายใน chains ที่ bridges เชื่อมต่อจะทำให้ bridges โดยรวมมีช่องโหว่
bridges ถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อบล็อคเชนต่าง ๆ และมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับการขาดมาตรฐานระหว่างโปรโตคอล ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่างบล็อกเชนถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ปลายทางและส่งเสริมการยอมรับ crypto ที่กว้างขึ้น
โซลูชันสำหรับการทำงานร่วมกันและความปลอดภัยในอุตสาหกรรม crypto นั้นหนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่มีอยู่คือ zero-knowledge rollups (ZKP) ซึ่งช่วยให้ข้อมูลได้รับการตรวจสอบและพิสูจน์ว่าถูกต้องโดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งแตกต่างจากโซลูชันการทำงานร่วมกันทั่วไปที่กำหนดให้เครือข่ายต้องเปิดเผยสถานะของตน
นอกจากนี้ ZKP ยังสามารถสร้าง Ethereum Virtual Machine (EVM) โดย Mudit Gupta หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้อมูลของ Polygon กล่าวว่าสิ่งนี้ช่วยให้นักพัฒนาเปิดตัว smart contracts ที่เข้ากันได้กับ Ethereum แบบส่วนตัวและสมบูรณ์
“ด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย ZK สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างแน่นอน โดย zkEVM ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถรักษาความเป็นส่วนตัว , การกระจายอำนาจ , ความเร็ว , และความสามารถในการปรับขนาด และด้วยสิ่งนี้ เราไม่จำเป็นต้องเสียสละสิ่งใดอย่างที่เป็นอยู่ และยังช่วยปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกด้วย”
Gustavo Gonzalez ผู้พัฒนาโซลูชันที่ Open Zeppelin กล่าวว่า smart contracts ของ Bridges “ควรได้รับการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามหลาย ๆ คน ก่อนที่จะปล่อยออกมา และควรมีการตรวจสอบใหม่ทุกครั้งที่มีการอัปเดต และควรแบ่งปันผลลัพธ์ทั้งหมดกับชุมชนอย่างโปร่งใส”
นอกจากนี้ เทคโนโลยี Machine learning ยังสามารถนำมาใช้เพื่อระบุรูปแบบกิจกรรมที่น่าสงสัยด้วยการตรวจสอบความปลอดภัยขั้นสูง รวมถึงตรวจจับการโจมตีก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง