ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ Flipside Crypto เผยว่าสมาชิกในระบบนิเวศ decentralized finance (DeFi) กำลังเปลี่ยนมาใช้ USD Coin (USDC) เพื่อโต้ตอบกับโปรโตคอล DeFi ไม่ว่าจะโดยการรับรายได้ที่ให้ผลตอบแทนสูงจากโปรโตคอลการให้กู้ยืม เช่น Compound และ Aave รวมถึงใช้งานใน liquidity pools เช่น Uniswap และ Curve
หลังจากการเปิดตัว governance token โทเค็นของ Curve “CRV” เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ก็มีการเพิ่มขึ้นของการใช้งานของ USDC โดยการเปิดตัวของโทเค็นยังช่วย Curve ขึ้นมาแันดับที่สามในแง่ของมูลค่าเงินที่ถูกล็อค ตามหลัง Aave และ Compound
ใน Curve นั้น liquidity provider จะได้รับผลตอบแทนทุกครั้งที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนบน curve.fi
ยิ่งไปกว่านั้น liquidity pools เหล่านี้ยังใช้กับโปรโตคอลการให้กู้ยืมเช่น Compound ซึ่งช่วยให้ได้รับดอกเบี้ยพิเศษ
ความนิยมของ USDC เติบโตขึ้นในหมู่ผู้ใช้ DeFi
USDC เป็นเ stablecoin ที่เปิดตัวโดย Circle คล้ายกับ USDT แม้ว่า USDT จะเป็น Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกระดานรวมถึงบนแพลตฟอร์ม Curve แต่ USDC ก็ได้สร้างตัวเองให้เป็นสินทรัพย์สำหรับภาคการเงินแบบกระจายอำนาจซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในระบบนิเวศ
หลังจาก DAI USDC เป็นเหรียญ stablecoin ที่มีการกู้ยืมมากที่สุดในโปรโตคอล Compound และยังเป็น Stablecoin ที่ยืมมามากที่สุดใน Aave โดย Flipside Crypto ยังระบุถึงรูปแบบที่ชัดเจนในการไหลของ USDC ที่สร้างใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ส่งผ่านจาก Coinbase จากนั้นจะถูกส่งไปยังแพลตฟอร์ม DeFi ที่ใหญ่ที่สุด
USDT มีมูลค่าตลาด 13.3 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ USDC มีขนาดเล็กกว่าเกือบ 10 เท่าที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม USDC ยังคงเป็นอันดับที่สองตามปริมาณการใช้งานและปริมาณการซื้อขายโดยครองอันดับสองในด้านปริมาณการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม USDC มีปริมาณธุรกรรมออนไลน์มากกว่า 90 พันล้านดอลลาร์
USDC 2.0 อาจช่วยเพิ่มกิจกรรม DeFi
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Center Consortium ได้ประกาศว่าจะมีการอัปเกรด USDC 2.0 โดยจะอนุญาตให้แสดงค่าธรรมเนียมธุรกรรมและชำระเป็น USDC ซึ่งเป็นไปได้ว่า USDC จะยังคงได้รับความสนใจมากขึ้นทั้งในและนอกบริบทของ DeFi ด้วยการเปิดตัวการอัปเกรดที่จะเกิดขึ้น
ในขณะที่ยังคงต้องชำระค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม การอัปเกรดจะทำให้การใช้งานนั้นง่ายขึ้นจากมุมมองของผู้ใช้ทั่วไป และหลีกเลี่ยงลักษณะที่ซับซ้อนของระบบ GAS ของ Ethereum และอาจช่วยลดความเสี่ยงจากความแออัดของเครือข่ายและต้นทุนการทำธุรกรรมที่สูงมาก
อ้างอิง : LINK