ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ และธนาคารกลางของฮ่องกงและอิสราเอล เปิดเผยผลการดำเนินงานของโครงการ Sela เมื่อวันที่ 12 กันยายน โดยโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสำหรับรายย่อย (rCBDC) โดยมีคุณลักษณะของเงินสดและข้อดีของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
โครงการนี้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์อันหลากหลายของธนาคารกลางเพื่อรวมคุณลักษณะด้านนโยบาย , ความปลอดภัย ,เทคโนโลยี และกฎหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าไว้ด้วยกัน โดยผู้เข้าร่วมได้แก่ Fintechs FIS และ M10 Networks ซึ่งจัดหาผลิตภัณฑ์หลัก Clifford Chance สำหรับการวิเคราะห์ทางกฎหมาย และ Check Point Software Technologies สำหรับความปลอดภัยทางไซเบอร์
ในระบบนิเวศของ Sela ธนาคารกลางที่ออก rCBDC จะควบคุมบัญชีด้วย pseudo-anonymous end-user accounts และจัดเตรียมการชำระเงินทันทีด้วยระบบ real-time gross settlement (RTGS)
ข้อดีประการหนึ่งของระบบนิเวศคือการเข้าถึงได้สำหรับสถาบันการเงินเอกชน ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันและนำไปสู่การเข้าถึงของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น
“ด้วยอุปสรรคที่ต่ำกว่าช่วยให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมในบริการ rCBDC ได้กว้างขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดการชำระเงินที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น SME [วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม] , ภาคประชาสังคมและองค์กรการกุศล , ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ , ศูนย์ชุมชนและบริษัทเทคโนโลยี , และอื่นๆ อีกมากมาย”
ผู้ใช้ Project Sela rCBDC ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของบัญชีเพื่อใช้บริการของสถาบันเหล่านั้นเพื่อแปลง rCBDC ไปเป็นเงินสด โดยการชำระเงินจะได้รับการชำระโดยธนาคารกลาง และผู้ใช้จะควบคุมเงินของตนตลอดเวลา
อ้างอิง : cointelegraph
ภาพ cryptoslate