นักลงทุนจำนวนมาก ต่างตกตะลึงในการยื่นล้มละลายล่าสุดของ Voyager Digital โดยบางคนอ้างว่ามีสินทรัพย์ crypto มูลค่า ‘นับล้าน’ หรือเงินออมส่วนใหญ่ในชีวิตของพวกเขาที่ถูกล็อกไว้กับบริษัท
ตามที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้ Voyager ได้หยุดการถอนเงินชั่วคราวเมื่อต้นเดือนนี้ ท่ามกลางปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลมาจากการที่บริษัท Three Arrows Capital (3AC) ผิดนัดชำระเงินกู้จำนวน 650 ล้านดอลลาร์ แม้ว่า Alameda จะจัดหาเงินกู้ให้กับบริษัทมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน แต่ Voyager ก็ยังยื่นล้มละลายในวันที่ 6 กรกฎาคม
ในบทความเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา Fortune ได้พูดคุยกับผู้ใช้ของ Voyager Digital หลายคนที่กำลังประสบปัญหากับการล้มละลายครั้งล่าสุด โดยบางคนมีการเก็บเงินออมเกือบทั้งหมดในชีวิตของตนบนแพลตฟอร์ม ในขณะที่บางคนกล่าวว่ามีเงินหลายล้านติดอยู่ในนั้น
ผู้ใช้รายหนึ่งซึ่งให้เรียกว่า Robert เพื่อจุดประสงค์ในการปกปิดตัวตน ระบุว่าเขาเก็บเงินไว้ประมาณหกหลักบนแพลตฟอร์ม ซึ่งคิดเป็น 70% ของเงินออมชีวิตของเขา
“ทุก ๆ วัน พูดตามตรง ผมร้องไห้” Robert กล่าว พร้อมเสริมว่า “ผมไม่รู้จะบอกภรรยาว่าอย่างไร เราตัดสินใจ [ลงทุนกับ Voyager ] แต่เธอเชื่อใจผมมากกว่าใคร ๆ ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
ในฐานะที่เป็นนักลงทุนมาหกปี Robert ยังกล่าวต่อไปว่า เขามีการทำวิจัยเกี่ยวกับ Voyager มาก่อนที่จะลงทุนกับแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งเขาจะไม่ทำแบบนั้นแน่หากเขารู้ว่าบริษัทกำลังจะนำเงินลูกค้าไปให้กู้ยืมแก่กองทุนป้องกันความเสี่ยง:
“ผมไม่เคยรู้ว่า Voyager จะปล่อยเงิน USDC ของลูกค้าให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ ถ้าผมรู้ ผมก็อาจจะเก็บเงินสดไว้ในที่ปลอดภัยกว่า”
Fortune ยังได้พูดคุยกับ Scott Melker ผู้มีอิทธิพลด้านคริปโตซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม The Wolf Of All Streets ทางออนไลน์ และอ้างว่ามีเงินเจ็ดหลักติดอยู่กับ Voyager
“ฟังนะ ผมหมดเงินหลายล้านดอลลาร์แล้ว” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าเขารู้สึกอายที่ได้เก็บเงินไว้กับ Voyager ทั้งๆ ที่มักจะพูดถึงการบริหารความเสี่ยงและการปกป้องทรัพย์สินของคุณ”
Melker มีผู้ติดตามประมาณ 851,000 คนบน Twitter และสมาชิก 121,000 คนบน YouTube โดยเขากล่าวว่าแม้เขาจะแพ้ให้กับ Voyager แต่เขารู้สึกแย่กว่าที่เคยโปรโมตแพลตฟอร์มนี้ให้กับผู้ชม เพื่อน และครอบครัวของเขา
ในกระบวนการล้มละลายของ Voyager ผู้บริหารของบริษัทได้ระบุถึงความตั้งใจที่จะจัดระเบียบธุรกิจใหม่ให้เป็นนิติบุคคลก่อน จากนั้นจึงชำระเงินคืนผู้ใช้ผ่าน Crypto โดยเป็นเงินที่ได้จากการชำระคืนของ Three Arrows Capital (3AC), Voyager token และหุ้นสามัญในบริษัทที่ปรับโครงสร้างใหม่
