Terra ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือ DeFi ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างขึ้นบน Cosmos โดยปัจจุบันเป็นระบบนิเวศที่ใหญ่เป็นอันดับสองอย่างเป็นทางการในด้านการเงินแบบกระจายอำนาจ
ตามข้อมูลที่ดึงมาจาก DeFi Llama ปัจจุบัน Terra มีมูลค่ารวมที่ถูกล็อค (TVL) กว่า 21 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
มูลค่า TVL ดังกล่าว มากเป็นสองเท่าของ BNB Chain ( เดิมคือ Binance Smart Chain ) และ Fantom ขณะที่ Ethereum ยังคงครองอยู่กว่า 54% ของตลาด DeFi ทั้งหมด โดยมีมูลค่า TVL ถึง 110 พันล้านดอลลาร์
แต่ถ้าเราเปลี่ยนกราฟเป็น TVL เฉพาะใน LUNA โทเค็นดั้งเดิมของเครือข่าย Terra ที่ใช้ในการชำระค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมและลงคะแนนในการกำกับดูแล ก็จะเห็นภาพที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย
จากภาพด้านบนจะพบว่า การเพิ่มขึ้นล่าสุดของ TVL ดูเหมือนเป็นการขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับในฤดูร้อนที่แล้ว
CoinGecko ยังแสดงให้เห็นว่า ราคา LUNA เพิ่มขึ้นเกือบ 38.8% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และในช่วงเวลาเดียวกัน โทเค็นดั้งเดิมที่อยู่เบื้องหลังโครงการ DeFi ที่ใหญ่ที่สุดของ Terra คือ Anchor Protocol (ANC) ก็เพิ่มสูงขึ้นกว่า 70% โดย Anchor เป็น money market ที่คล้ายกับ Aave ของ Ethereum ซึ่งผู้ใช้สามารถรับดอกเบี้ยจากการฝาก UST ได้สูงถึง 19.49%
ที่สำคัญกว่านั้นคือ โปรโตคอลยังเพิ่งจัดสรรเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ สำหรับการนำ Bitcoin มาเป็นสินทรัพย์สำรอง ซึ่งเงินมาจากการขายโทเค็น LUNA โดยที Jump Crypto และ Three Arrows Capital เป็นผู้นำในการระดมทุนในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และมีรายงานว่ากองทุนจะถูกใช้เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “UST Forex Reserve”
และในขณะที่มูลค่าตลาดของ UST เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ ตัวเลข 1 พันล้านดอลลาร์ก็ดูจะสมเหตุสมผล เนื่องจากต้องมีทุนสำรองจำนวนมากเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับโครงการที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 13 พันล้านดอลลาร์
ข้อดีอีกประการของการใช้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองสำหรับระบบนิเวศของ Terra คือมันทนต่อการเซ็นเซอร์และมีการกระจายอำนาจนั่นเอง
