NFT เป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับศิลปินและนักดนตรีอิสระ

หนึ่งในผลกระทบที่ทรงพลังและจะถูกมองข้ามไม่ได้เลยของ NFT ก็คืออุตสาหกรรมเพลง  เนื่องจากปัจจุบัน NFT มีอำนาจในการเปลี่ยนเกมสำหรับศิลปินอิสระ โดยการมอบวิธีใหม่ ๆ ในการหารายได้ (รวมถึงการมีส่วนร่วมกับแฟนเพลง)

ดนตรีและนักดนตรี

สิ่งแรกที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการขาย NFT ของนักดนตรีก็คือรายได้ เนื่องจาก NFT สามารถขายได้ในราคาที่สูงมาก  โดยศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์ เช่น Kings of Leon และ Steve Aoki ขาย NFT ได้เงินถึงหลายล้านดอลลาร์  แม้แต่ศิลปินที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เช่น Vérité และ Zack Fox ก็ทำเงินได้หลายหมื่นดอลลาร์สหรัฐจากการขาย NFT รวมถึงศิลปิน Young and Sick ทีมีผู้ติดตามบน Instagram เพียง 27,000 คน ยังสามารถขาย NFT ได้ในราคา 865,000 ดอลลาร์  

ตัวเลขเหล่านี้นั้นสูงจนน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลองเปรียบเทียบกับรายได้จากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งทั้งหลายที่นักดนตรีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน และยิ่งในช่วงที่โควิด-19 ระบาดทำให้รายได้จากออกไปเล่นดนตรีลดลง  บวกกับอัตราการจ่ายของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเหล่านี้ที่ยังคงไม่สูงมาก  ยกตัวอย่าง Spotify ที่จ่ายโดยเฉลี่ยประมาณ 0.003 ถึง 0.005 ดอลล่าร์ต่อการสตรีม  นั่นเท่ากับประมาณ 3,000 ถึง 5,000 ดอลลาร์สำหรับ 1 ล้านสตรีม ซึ่งอาจดูไม่ยากนักสำหรับนักดนตรีที่มีชื่อเสียง แต่ 1 ล้านสตรีมก็ถือเป็นจำนวนที่มากสำหรับศิลปินอิสระ

ในปี 2020 มีศิลปินเพียง 13,400 คนที่สร้างรายได้มากกว่า 50,000 ดอลลาร์ (ค่ามัธยฐานสำหรับคนงานในสหรัฐอเมริกา) ต่อปีบน Spotify  และด้วยสถิติเหล่านี้ คุณจะเห็นว่า NFT เริ่มดูเหมือนเป็นโอกาสที่แท้จริง – การขายเพลงหรือของสะสมซึ่งคุณสามารถสร้างรายได้จากการขายเพียงครั้งเดียวมากกว่าที่คุณทำได้จากแพลตฟอร์มการสตรีม  นอกจากนี้ NFT ยังมีรายได้ให้แก่ผู้สร้างดั้งเดิมโดยจะได้รับ 2.5% ถึง 10% ของการขายทุกครั้งที่มีการขายโทเค็นต่อ  มันค่อนข้างดีทีเดียว

นอกจากนี้ ผู้สร้างยังสามารถรวมสิทธิพิเศษเพิ่มเติมไว้ในสัญญาของ NFT ได้ เช่น การได้สิทธิ์วิดีโอคุยแบบตัวต่อตัวกับแฟน ๆ  หรือสิ่งของที่จับต้องได้  หรือแม้แต่มอบสิทธิ์การเป็นเจ้าของเพลงบางส่วน สิ่งนี้ทำให้ผู้ซื้อมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุน ในขณะที่ศิลปินก็ได้รับเงินในกระเป๋า  NFT จึงเป็นเหมือนเว็บไซต์ crowdfunding สำหรับนักดนตรีที่คุ้มค่ากว่า

อ้างอิง : LINK