สรุปอนาคตของ BTZ Token ผ่านซีอีโอ “กวิน พงษ์พันธ์เดชา”

BTZ Token ซึ่งเป็น Native Token ของ Bitazza โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. มีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นรออยู่ข้างหน้าซึ่งจะทำให้คนไทยได้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนและ DeFi ระดับโลก

กวิน พงษ์พันธ์เดชา หรือคุณอาร์ท ซีอีโอของ Bitazza ได้ออกมาพูดคุยกับชุมชนผู้ใช้งานผ่าน FB Live เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาซึ่งมีเนื้อหาใจความน่าสนใจในหลายประเด็น ทาง Ricco Wealth ขอทำการสรุปใจความสำคัญมาให้อ่านดังนี้

เรื่องแรกและเรื่องสำคัญที่สุดก็คือการประกาศเรื่องที่สามารถนำ BTZ Token นำมาวาง Staking เพื่อรับผลตอบแทน 40% APY ต่อปี โดยเปิดให้ผู้ที่มีโทเคนอยู่ในมือซึ่งทาง Bitazza แจกให้ฟรีตั้งแต่เปิดให้ซื้อขายมาเป็นระยะเวลาสองปี จำนวนไม่เกินคนละ 3,000 BTZ (ราคาเหรียญละ 3.3 บาท เท่ากับเป็นมูลค่าคนละ 10,000 บาท) นำมาล๊อกไว้เป็นเวลา 1 ปี โดยไม่สามารถถอนออกมาก่อนได้ จะได้รับผลตอบแทน 40%

พูดง่ายๆคือวางเหรียญไว้มูลค่าประมาณ 10,000 บาท เวลาผ่านไปหนึ่งปีจะได้ผลตอบแทน 4,000 บาท รวมเงินต้นเป็นมูลค่า 14,000 บาท 

สัดส่วนการกระจายเหรียญทาง Bitazza ได้แบ่งสัดส่วนสูงที่สุด 30% หรือ 90 ล้านเหรียญให้กับผู้ใช้งาน คนในชุมชนตลอดจนพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ต่อมาจึงเป็นกลุ่มนักลงทุนและทีมงานผู้ร่วมก่อตั้งอีก 28% คณะผู้บริหารและพนักงานสัดส่วน 20%

Bitazza ยังได้ก่อตั้งโครงการเงินสมทบเพื่ออิสรภาพโดยบิทาซซ่า (Bitazza Freedom Fund) เพื่อมอบความช่วยเหลือให้กลับคืนให้สังคม จึงได้แบ่งเหรียญสัดส่วน 6 ล้านเหรียญ หรือ 2% เพื่อตอบแทนคืนสู่สังคมด้วย

คุณอาร์ทยังบอกด้วยว่าปีนี้จะมีการเผาเหรียญเป็นครั้งแรกในทุกๆไตรมาสและจะไม่มีการสร้างขึ้นมาใหม่อีกแล้วเพื่อให้ผู้ที่ถือเหรียญสามารถเก็บเป็น Store Of Value ที่จะมีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคตได้ โดยภายในไตรมาสสามของปีนี้จะเริ่มเปิดให้สามารถซื้อขาย BTZ Token ได้แล้ว

นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์สำคัญที่คุณอาร์ทได้เล่าไว้ใน Live อีกซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นสตอรี่ที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง

เริ่มต้นที่ Bitazza เองได้มีพันธมิตรในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศในยุโรปซึ่งทำให้ได้ใบอนุญาตทางการเงินจากกลุ่มประเทศยุโรปรวมถึงประเทศศรีลังกาซึ่งเป็นหน้าด่านแรกของการเข้าไปทำการตลาดในประเทศอินเดีย

นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าของโปรดักต์ที่น่าตื่นเต้นอย่างเช่น Debit Card ในการนำไปใช้จ่ายหรือการเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง DeFi Protocol ที่มีชื่อเสียง เนื่องมาจากทาง Bitazza ค่อนข้างที่จะ Prefer เทคโนโลยี DeFi เป็นอย่างมาก เป็นไปได้ว่า Bitazza อาจจะเป็นสะพานเชื่อมคนไทยให้สามารถเข้าถึง DeFi ในระดับโลกได้

ใครที่อยากฟังข้อมูลจากคุณอาร์ทด้วยตัวเองสามารถชมเทปการ Live ย้อนหลังได้ทางลิงค์นี้เลยครับ ส่วนรายละเอียดของโทเคนสามารถอ่านได้เพิ่มเติมทางเวบไซต์อย่างเป็นทางการ รับรองได้ว่าสามารถตอบได้ทุกคำถามที่สงสัยอย่างแน่นอนเพื่อเข้าใจโครงสร้างของเหรียญได้มากขึ้น

ปิดท้ายด้วยการประกาศลิสต์เหรียญเพิ่มเติมอีกชุดใหญ่อีกกว่า 20 เหรียญ โดยเป็นการรับฟังเสียงจากผู้ใช้งานโดยตรงทำให้มีเหรียญที่คนไทยนิยมเทรดไม่ว่าจะเป็น Dodgecoin,BNB,ADA,BAND,DOT,CAKE

รวมถึงยังมีบางเหรียญที่สามารถเทรดได้ที่ Bitazza ที่เดียวเท่านั้นในไทยก็คือ MATIC ซึ่งเป็นเหรียญที่กำลังร้อนแรงในขณะนี้ รวมถึงเจ้าหมา SHIBA และ VELO ซึ่งเป็นเหรียญที่สร้างพัฒนาโดยพันธมิตรสำคัญทางธุรกิจและเพิ่งประกาศร่วมทุนกันไปนั่นคือ Velo Labs

การลิสต์เหรียญใหม่ชุดนี้ทำให้ Bitazza กลายเป็นเวบเทรดคริปโตที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ที่มีเหรียญให้เทรดหลากหลายมากที่สุดโดยมีตั้งแต่เหรียญมาร์เกตแคปใหญ่อย่าง BTC,ETH,XRP เหรียญสาย DeFi ที่มีครบแทบจะทุก Protocol

นอกจากนี้ยังมีเหรียญสาย Smart Contract Layer2 อย่าง DOT,ATOM,ADA เรียกได้ว่าเหรียญยอดนิยมของคนไทยมีให้ซื้อขายครบในที่เดียวเลยก็ว่าได้

สรุปได้ว่าเส้นทางจากนี้ไปของ Bitazza ค่อนข้างที่จะน่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อยจากสตอรี่ที่ซีอีโอได้เล่าสู่ให้ฟัง คนไทยน่าจะมีโอกาสได้เข้าถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนและ DeFi ในระดับโลกได้และยังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem ทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป

FOLLOW ME

Blockchain Life 2024

Crypto Coffee

Cryptomind Research Talk

CryptOmakase

ข่าวต่อไป