เครือข่ายการบังคับใช้อาชญากรรมทางการเงินของสหรัฐฯ (FinCEN) ได้เสนอให้ออกกฎที่จะเป็นข้อกำหนดในการเก็บบันทึกและการรายงานสำหรับการทำธุรกรรมโดยธนาคารหรือธุรกิจบริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ “กระเป๋าเงิน Crypto แบบ unhosted wallets หรือที่มีการคุ้มครอง”
หากมีการบังคับใช้กฎที่เสนอดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า “ข้อกำหนดสำหรับการทำธุรกรรมบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิตอลที่แปลงสภาพได้หรือสินทรัพย์ดิจิทัล” จะกำหนดให้กระเป๋าเงินจำเป็นต้องมีมาตรฐานการป้องกันการฟอกเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าการทำธุรกรรมโดยไม่เปิดเผยตัวตนอาจกลายเป็นอดีตไปแล้ว
FinCEN เสนอให้นิยามกระเป๋าเงินเหล่านั้นว่าเป็น “กระเป๋าสตางค์ที่ถืออยู่ในสถาบันการเงินที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย Bank Secrecy Act และอยู่ในเขตอำนาจศาลต่างประเทศที่ FinCEN ระบุ”
กฎนี้เรียกร้องให้มีการทำ know-your-customer (KYC) ขั้นสูงสำหรับการถอนเงินที่มากกว่า $3,000 และหากมีธุรกรรมที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์ บริษัทต่าง ๆ จะต้องรายงานต่อ FinCEN ซึ่งจำเป็นต้องมีธนาคารและ MSB เพื่อยื่นข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมของลูกค้าและคู่สัญญาของพวกเขา รวมถึงชื่อและที่อยู่จริงเพื่อยืนยันตัวตนของทั้งสองฝ่าย
กฎนี้ออกมาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครทำธุรกรรมโดยไม่เปิดเผยตัวตน โดย FinCEN ยังเสนอกฎเกี่ยวกับ “การจัดโครงสร้าง” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแบ่งธุรกรรมขนาดใหญ่ให้เป็นธุรกรรมที่เล็กลงเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อกำหนดในการรายงาน
กฎที่เสนอใหม่นี้สอดคล้องกับกฎ Travel Rule ของ Financial Action Task Force ซึ่งเรียกร้องให้เว็บเทรดมีการแบ่งปันข้อมูล รวมถึงข้อมูลประจำตัวของผู้รับผลประโยชน์สำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์ ซึ่งเว็บเทรดของสหรัฐฯได้ดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อกฎนี้แล้ว
อ้างอิง : LINK