ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25% ถึงปี 2023 และซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาฟื้นตัว ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับ Bitcoin
“เจโรม พาวเวล” ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติที่จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% อย่างน้อยจนถึงปี 2023 หรือจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นกลับมาเป็นปกติ
ธนาคารกลางสหรัฐคาดการณ์ว่าจะซื้อพันธบัตรตามมาตรการ Quantitative Easing (QE) วงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Treasury securities) ด้วยวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่ออยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (agency mortgage-backed securities) ด้วยวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ทางด้าน Denis Vinokourov หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Bequant โบรกเกอร์ชั้นนำด้านสินทรัพย์ดิจิทัล กล่าวว่า “เงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงจะสร้างปัญหาในตลาด FX และมันจะเลวร้ายไปหมด! และมันจะสร้างปัญหาให้กับธนาคารกลางในประเทศเนื่องจากจะนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น”
“แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับ Bitcoin” Vinokourov กล่าว “เนื่องจากมันเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากทุกสิ่งที่ไม่คาดคิดรวมถึงอัตราเงินเฟ้อ” ผู้คนจากตลาดเกิดใหม่ซึ่งธนาคารกลางในประเทศได้ทำลายสกุลเงินของพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปใช้ Bitcoin มากขึ้น
ทางด้าน Guy Hirsch ผู้บริหาร eToro US กล่าวว่า “อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นความสนใจของรายย่อยใน Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ” เนื่องจากผู้ถือดอลลาร์สหรัฐจะได้รับกำไรในจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
“ผู้คนเริ่มตระหนักถึงมูลค่าของเงินที่ลดน้อยลงเพราะพวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนจากมัน” เขากล่าว “และเริ่มมองหาสิ่งอื่นเพื่อรักษาทั้งอำนาจในการใช้จ่ายและความมั่งคั่ง ซึ่งผลตอบแทนที่มหาศาลจาก Bitcoin รวมถึงโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนนั้นเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้คนจำนวนมากและจะยังคงเป็นไปต่อในอนาคตอันใกล้”
อ้างอิง : LINK