“ภาระหนี้สิน” เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคลที่ซับซ้อน ซึ่งไม่ควรทำโดยขาดความระมัดระวังและการพิจารณาทางการเงิน ด้วยการฟื้นกลับมาของ Bitcoin ( BTC ) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้นักลงทุนบางคนเริ่มใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อเพิ่ม position ของพวกเขาในสินทรัพย์ แม้ว่านี่อาจดูเหมือนเป็นทางลัดสู่ความร่ำรวยสำหรับบางคน แต่หลายคนก็มองว่าการเคลื่อนไหวทางการเงินเช่นนี้เป็นเรื่องโง่เขลา เนื่องจากความผันผวนเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างมาก
ในทวีตเมื่อวันศุกร์จาก Peter McCormack เจ้าของ podcast ของ Bitcoin กล่าวว่าเขาซื้อ 2.55 Bitcoin โดยการใช้เงินกู้ 46,250 ดอลลาร์ และคาดว่าเขาจะต้องจ่ายคืนมากกว่า 57,000 ดอลลาร์ภายในหกปี
“ในเดือนธันวาคมปี 2026 หาก Bitcoin อยู่ที่ 22,669.35 ดอลลาร์ ผมจะคุ้มทุน” McCormack กล่าว “ผมอยากจะยืมเงินมากขึ้น กระแสเงินสดของผมสามารถรองรับการชำระคืนเดือนละ [$800] ได้อย่างง่ายดาย แต่นี่เป็นขีดจำกัดที่ผมสามารถทำได้กับธนาคารของผมหลังจากที่คิดเกี่ยวกับแนวคิดนี้เป็นเวลาสองสามนาที”
McCormack ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการ crypto ซึ่งกล่าวว่าเขา “สามารถที่จะสูญเสีย” เงินจากการลงทุน Bitcoin ได้ แม้ว่าปัจจุบันเขาจะมีรายได้จากพอดแคสต์ แต่ผลงานของเขาก็ยังได้รับความนิยมในปี 2018 ในช่วงที่ตลาดตกต่ำ ในเวลานั้นเขาทวีต ว่าเขา “เปลี่ยน 32,000 ดอลลาร์เป็น 1.2 ล้านดอลลาร์ และก็กลับมาเป็นศูนย์”
Vitalik Buterin ออกมาเตือนในทันทีจากการกู้ยืมเงินดังกล่าว โดยผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เปิดเผยในทวีตว่าเขาขายการถือครอง BTC ครึ่งหนึ่งในปี 2013 เมื่อเขา “มีมูลค่าสุทธิเพียงไม่กี่พันดอลลาร์” แทนที่จะกู้เงินจากธนาคารเพื่อซื้อคริปโตเพิ่มเติม
“กรุณาอย่าทำเช่นนี้ ผมจะไม่แนะนำให้ใครกู้เงินส่วนบุคคลเพื่อมาซื้อ ETH หรือสินทรัพย์ ethereum อื่น ๆ” Vitalik กล่าว
และ McCormack ก็เห็นด้วยกับ Vitalik โดยกล่าวว่า “ผมเห็นด้วยกับ Vitalik และผมไม่แนะนำให้ใครใช้เงินกู้ส่วนบุคคลเพื่อซื้อ ETH หรือสินทรัพย์ ethereum อื่น ๆ”
อ้างอิง : LINK
