The Internet Computer คือเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและปรับขนาดได้อย่างไม่จำกัด เป็นโฮสต์รูปแบบใหม่ของซอฟต์แวร์สัญญาอัจฉริยะที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ดำเนินการประมวลผลแบ็กเอนด์เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ โดยเครือข่ายจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสร้างเครือข่ายโซเชียล Web3 หรือสั่งซื้อการแลกเปลี่ยนออเดอร์บุ๊ก ตัวอย่างเช่น 100% On-Chain โดยเฉพาะจากซอฟต์แวร์ Smart Contract โดยจะเป็นระบบไร้ศูนย์กลางอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการผสมผสานกันของคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ขั้นสูง ทำให้เครือข่ายมีความสามารถอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
จนถึงปัจจุบัน เครือข่ายได้ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างโครงการ Web3 หลายร้อยโครงการ วิธีที่ง่ายที่สุดในการทำความเข้าใจว่าเทคโนโลยี ICP ทำอะไรได้บ้าง (ICP ย่อมาจาก Internet Computer Protocol ซึ่งเป็นภาษาที่โหนดของคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตใช้คุยกัน) ก็คือการลองใช้บริการหลักต่าง ๆ เช่น OpenChat ซึ่งโฮสต์ผู้ใช้ ข้อความแชท และสื่อจำนวนมาก บริการทั้งหมดทำงานจาก Internet Computer รวมถึงประสบการณ์ผู้ใช้เชิงโต้ตอบ ซึ่งซอฟต์แวร์ Smart Contract พื้นฐานสร้างขึ้นโดยการประมวลผล HTTP โดยตรง (ภาษาของเว็บ)
แม้ว่านี่จะดูเป็นความก้าวหน้าของ Web3 แต่ในบทความนี้ เราจะพูดถึงผลกระทบที่มีผลต่อโลกไอทีและการประมวลผลโดยทั่วไปมากกว่า ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติด้านความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้ OpenChat สามารถรักษาคริปโตฯ ในบัญชีแชทของตน
และสามารถส่งให้ผู้อื่นโดยใช้ข้อความแชทได้ทันที โดยไม่ต้องใช้กระเป๋า เนื่องจากบริการนี้จะจัดเก็บไว้ให้ ซึ่งคริปโตฯ ที่เก็บไว้ในบริการ OpenChat นั้นชัดเจนว่าเป็นของชอบสำหรับแฮกเกอร์ แต่บริการนี้ทำงานโดยไม่จำเป็นต้องมี Cybersecurity
ซอฟต์แวร์ Smart Contract ที่ทำงานบนบล็อกเชนสามารถรับประกันได้ว่าจะดำเนินการตามที่ระบบเขียนไว้เสมอ และจะประมวลผลข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่ง Smart Contract รวมถึงการคำนวณและข้อมูล จะอยู่ใน Cyberspace ซึ่งมีการป้องกันการปลอมแปลง และดำเนินการโดยไม่จำเป็นต้องป้องกัน Firewall และมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อื่น ๆ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสเพื่อปกป้องจากแรนซัมแวร์ เนื่องจาก OpenChat สร้างขึ้นจากซอฟต์แวร์สัญญาอัจฉริยะโดยเฉพาะ และทำงานบนบล็อกเชนทั้งหมด จึงสามารถป้องกันการปลอมแปลงได้เช่นกัน
ปัจจุบันโลกไอทีอยู่ท่ามกลางวิกฤติด้านความปลอดภัย ในปี 2021 Colonial Pipeline หยุดทำงานหลังจากถูกโจมตีจากแรนซัมแวร์บนเซิร์ฟเวอร์ ส่งผลให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกของสหรัฐอเมริกาขาดน้ำมัน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ MGM ถูกโจมตี ไม่เพียงแต่ทำให้คาสิโนใช้งานไม่ได้
แต่ยังล็อคลูกค้าโรงแรมออกจากห้องอีกด้วย และหลังการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ ปัจจุบันมีเหตุการณ์นับแสนครั้งเกิดขึ้นทั่วโลกทุกปี ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของแต่ละเหตุการณ์อยู่ที่ 4.5 ล้านดอลลาร์ และคาดว่ามูลค่าอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลกจะสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2568
Cybersecurity กลายเป็นประเด็นสำคัญในช่วงที่ผ่านมา เช่น สงคราม หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม AIกำลังจะทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลงไปอีก ทั้งการทำให้ฟิชชิ่งง่ายขึ้น การลวงระบบความปลอดภัยไบโอเมตริกซ์ ทำการแฮ็กอัตโนมัติ และระบุการโจมตีแบบ Zero Day ใหม่โดยอัตโนมัติ ซึ่งโลกของเราต้องการวิธีแก้ปัญหาอย่างยิ่ง ขณะนี้ รัฐบาลกำลังผลักดันความรับผิดชอบต่อผู้ที่ถูกแฮ็ก และ CSO ของ Uber เพิ่งได้รับการคุมประพฤติเป็นเวลาสามปีหลังจากรายงานการแฮ็กที่พวกเขาประสบอย่างไม่ถูกต้อง แต่โชคดีที่บริการ Web3 ที่ทำงานบน Internet Computer ในปัจจุบันเผยให้เห็นเส้นทางที่ดีกว่า
ในปี 2024 DFINITY Foundation จะสนับสนุนการริเริ่มเชิงพาณิชย์ให้องค์กรและรัฐบาลที่ยังไม่พร้อมสร้างบนเครือข่ายสาธารณะ ด้วยเทคโนโลยี ICP แบบแพ็คเกจใหม่ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาคลาวด์ส่วนตัวที่ปลอดภัย ได้ ซึ่งซอฟต์แวร์ป้องกันการบุกรุก โดยคลาวด์ส่วนตัวที่แตกต่างกันสามารถทำงานร่วมกันได้โดยการลงทะเบียนกับคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต ที่มูลนิธิ DFINITY เราภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือโลกในการจัดการกับปัญหาเร่งด่วนที่สุดปัญหาหนึ่งในยุคของเรา
ปลายปีนี้ คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี UTOPIA ซึ่งย่อมาจาก Unstoppable Tamperproof Open Platform for Independent Autonomy UTOPIA แต่ละแห่งเป็นคลาวด์ส่วนตัว ซึ่งสามารถหมุนไปบนคลาวด์ที่มีอยู่หรือฮาร์ดแวร์เฉพาะได้ตามต้องการ
ในปีนี้ องค์กรและหน่วยงานรัฐบาลต่าง ๆ จะเริ่มสร้างสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบไร้เซิร์ฟเวอร์ขั้นสูง โดยใช้ซอฟต์แวร์ Smart Contract Canister ยุคถัดไปที่เขียนในภาษาใดก็ได้ และทำงานบนเครื่องเสมือน WebAssembly ยินดีต้อนรับสู่อนาคตที่สดใส
ที่มา: DFINITY