มูลค่าตลาดรวมของ Stablecoin ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทะลุ 200,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้น 13% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตามข้อมูล ของ CoinGecko
ในทำนองเดียวกัน USDT ซึ่งถืออยู่ในคลังของ Tether ก็ทะลุระดับ 200,000 ล้านดอลลาร์เช่นกัน โดยการพุ่งขึ้นนี้เกิดขึ้นในขณะที่นักลงทุนมองหาโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นบนแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ ตามคำกล่าวของนักวิเคราะห์
นักวิเคราะห์ของ Coinbase อย่าง David Duong และ David Han ระบุว่าการเพิ่มขึ้นของมูลค่าตลาดของ stablecoin บ่งชี้ว่า นักลงทุนกำลังมองหาวิธีใช้ประโยชน์จากผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากโปรโตคอลการให้กู้ยืมของ DeFi
“เราคิดว่านี่เป็นสัญญาณของการไหลเข้าของเงินทุนใหม่ในพื้นที่ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากอัตราการให้กู้ยืมที่สูงขึ้น ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวถึงสามเท่า” นักวิเคราะห์กล่าว
ตามข้อมูลของ DeFiLlama การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของมูลค่าตลาดของ stablecoin เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ของ Coinbase ยังเน้นย้ำด้วยว่าอัตราเงินฝาก USDC บน Aave เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเดือนที่ผ่านมา
“อัตราการกู้ยืม stablecoin พุ่งสูงขึ้นถึง 10-20% ต่อปีบน Aave และ Compound ในเครือข่ายที่ใช้งานเกือบทั้งหมด รวมถึง Ethereum และ Base” นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังสังเกตด้วยว่ามูลค่ารวมที่ล็อกไว้ในโปรโตคอลนั้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 54,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแซงหน้าจุดสูงสุดของตลาดกระทิงครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 52,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว โทเค็นที่ให้ผลตอบแทนของ Ethena อย่าง sUSDe ก็มีอัตราผลตอบแทนรายปีพุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 24% เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประมาณ 13% ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของ DeFiLlama คาดการณ์ว่า APY ของ sUSDe น่าจะลดลงต่ำกว่า 19% ภายในเดือนหน้า
นักวิเคราะห์ของ Coinbase ยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่นโทเค็น HYPE ของ HyperLiquid และโปรโตคอล AI agent ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ โดยเน้นย้ำว่าผลตอบแทนที่สูงขึ้นเหล่านี้มีให้เฉพาะกับผู้เข้าร่วมแบบออนเชนเท่านั้น ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้ามามีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจเหล่านี้เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่อาจเกิดขึ้น
“ความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลหลักอื่นๆ ได้ผลักดันให้เกิดกิจกรรมบนเครือข่ายอย่างมากในหลายภาคส่วน รวมถึงปริมาณบนเว็บเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX) , กิจกรรมการกู้ยืม ,และการเติบโตของ Stablecoin” นักวิเคราะห์กล่าว
อ้างอิง : theblock.co