Bitcoin เลเยอร์ 2 กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยได้รับแรงผลักดันจากนวัตกรรมในระบบนิเวศ Ethereum และตอนนี้ เลเยอร์ 2 ก็สัญญาว่าจะนำโซลูชันการเงินแบบกระจายอำนาจ (Defi) มาสู่บล็อคเชนดั้งเดิม
แม้ว่าจะมีเงินมูลค่าหลายล้านดอลล่าร์บนเครือข่ายภายในเวลาไม่กี่เดือน แต่เลเยอร์ 2 ของ Bitcoin ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น เช่นเดียวกับการพัฒนาในช่วงเริ่มต้นอื่นๆ ที่ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเอาชนะให้ได้ รวมถึงปัญหาความปลอดภัยและข้อกังวลด้านประสบการณ์ของผู้ใช้
ในงานประชุม Bitcoin 2024 ที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ทีมงาน Cointelegraph ได้ร่วมหารือเกี่ยวกับโปรโตคอลที่ช่วยให้นักพัฒนาหลายร้อยคนเข้าร่วมเครือข่าย Bitcoin ได้สำเร็จเมื่อไม่นานนี้ โดยโปรโตคอลเหล่านี้มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน นั่นคือการทำให้ระบบนิเวศบล็อคเชน Bitcoin มีประโยชน์มากขึ้นในอนาคต
Franklin Templeton เล็งผลตอบแทนจาก Bitcoin
บริษัทจัดการการลงทุน Franklin Templeton เป็นหนึ่งในผู้ออกกองทุน Bitcoin ETF c]tยังสนับสนุนโปรโตคอลเลเยอร์ 2 ที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ เช่น Bitlayer ด้วย
Charlie Hu ผู้ก่อตั้งร่วมของ Bitlayer กล่าวว่า ผู้จัดการสินทรัพย์กำลังมองหาทางเลือกเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสำหรับลูกค้าของตนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะผ่านเครือข่าย Bitcoin
“Franklin Templeton เป็นตัวอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงนักลงทุนเท่านั้น พวกเขาต้องการใช้มันจริงๆ ด้วย Bitcoin มูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ และพวกเขาต้องการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นสำหรับลูกค้าของพวกเขา”
ในเดือนกรกฎาคม Bitlayer ได้ปิดรอบ Series A มูลค่า 11 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดย Templeton และ ABCDE โดยสตาร์ทอัพแห่งนี้เสนอวิธีการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Bitcoin ที่ปรับขนาดได้มากขึ้น เช่นเดียวกับช่องทางเพิ่มเติมสำหรับการทำธุรกรรมบนบล็อคเชน และสำหรับนักพัฒนา นั่นหมายถึงความเป็นไปได้ในการสร้างแอปพลิเคชันบนพื้นฐานของเครือข่าย BTC แทนที่จะใช้ Ethereum
ภายในเวลาเกือบสามเดือนนับตั้งแต่เมนเน็ตเปิดใช้งาน โปรโตคอลดังกล่าวมีมูลค่ารวม 409 ล้านดอลลาร์ที่ล็อคอยู่บนเชน ตามข้อมูลของ DefiLlama ความต้องการดังกล่าวมาจากลูกค้าสถาบันที่ต้องการรายได้เพิ่มเติมจากตลาดคริปโตเป็นหลักตามที่ Hu กล่าว
ความซับซ้อนของความปลอดภัยในเลเยอร์ 2
เลเยอร์ 2 และบริดจ์ของ Ethereum กลายมาเป็นเป้าหมายของแฮ็กเกอร์และผู้กระทำผิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเลเยอร์ 2 ของ Bitcoin อาจต้องใช้เวลาสักระยะในการพัฒนาในส่วนนี้
“คำถามใหญ่ที่เป็นแกนหลักของโมเดลความปลอดภัยทั้งหมดนี้คือ เราจะนำโทเค็นออกมาได้อย่างไร” Alexei Zamyatin ผู้ก่อตั้งร่วมของ Build On Bitcoin (BOB) กล่าวถึงข้อกังวลในการ wrap โทเค็นในอีกชั้นหนึ่งขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยของบล็อกเชน Bitcoin ไว้
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทีมของ BOB กำลังมีส่วนร่วมในการวิจัย BitVM ซึ่งเป็น virtual machine ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการ smart contracts โดยตรงบนบล็อคเชน Bitcoin ตามที่ Zamyatin กล่าว ระบบ BitVM อาจอนุญาตให้มี realistic rollups ซึ่งสืบทอดความปลอดภัยของ Bitcoin:
“เรากำลังมีส่วนสนับสนุน BitvMV ในด้านการวิจัยและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้เราสามารถใช้ Bitcoin บนเลเยอร์เหล่านี้ได้อย่างแท้จริงในรูปแบบที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง […] ด้วยสิ่งต่างๆ เช่น BitVM เราสามารถรับประกันได้ว่าคุณจะนำมันออกมาได้เสมอ ตราบใดที่มีโหนดที่ซื่อสัตย์หนึ่งโหนดบนเครือข่าย Bitcoin ที่ได้รับการเอาใจใส่”
Zamyatin ทำงานวิจัยเกี่ยวกับ Bitcoin ตั้งแต่ปี 2015 และร่วมก่อตั้ง BOB เพื่อนำเสนอโซลูชันไฮบริดที่ผสมผสานฟีเจอร์จากบล็อคเชน Bitcoin และ Ethereum ซึ่งตั้งแต่นั้นมา โปรโตคอลดังกล่าวได้รับเงินมากกว่า 11 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนหลายราย
ในมุมมองของ Zamyatin เลเยอร์ 2 จะช่วยให้นวัตกรรมกลับมาสู่ Bitcoin ได้อีกครั้งในยุคที่สถาบันรวมศูนย์เริ่มแพร่หลายมากขึ้น:
“ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกเล็กน้อยที่เราทุกคนกำลังเชียร์แพลตฟอร์มรวมศูนย์” เขากล่าว “มันดีสำหรับราคา […] แต่ผมคิดว่าเราไม่ควรลืมว่า […] ตอนนี้เราจะต้องสร้างสรรค์ [Bitcoin] เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีทางเลือกอื่น”
อ้างอิง : cointelegraph.com
