Goldman Sachs ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่อันดับสองของโลก คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในสองปีข้างหน้า โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี 2024
อัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์อย่างมากกับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ ซึ่ง Goldman Sachs เคยคาดการณ์ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกภายในเดือนธันวาคม 2024 แต่การคาดการณ์นี้ได้ถูกยกมาเป็นไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed สองครั้ง จะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.875% ภายในสิ้นปี 2024 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5.13%
และจากรายงานของรอยเตอร์ ยังอ้างถึงเทรดเดอร์ที่เชื่อว่า ผลการดำเนินงานของตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจะไม่ขัดขวาง Fed จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าการปรับลดครั้งแรกจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ซึ่งเร็วกว่าการคาดการณ์ของ Goldman Sachs ถึงสองในสี่
เมื่ออัตราดอกเบี้ยของ Fed ลดลง ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะรับได้นั้นมากขึ้นตามไปด้วยในหมู่เทรดเดอร์ในตลาดเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยมักใช้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและลดกำลังซื้อของสกุลเงิน Fiat ซึ่งขัดขวางการไหลเข้าของเงินทุนสู่ตลาดสกุลเงินดิจิทัล
เมื่อ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย สินทรัพย์การลงทุนประเภทดั้งเดิม เช่น พันธบัตรและสินทรัพย์ตราสารหนี้อื่น ๆ จะดึงดูดนักลงทุนมากขึ้นเนื่องจากผลตอบแทนที่มั่นคง ในทางกลับกัน นักลงทุนจะย้ายเงินทุนออกจากสินทรัพย์ที่มีความผันผวน เช่น สกุลเงินดิจิทัล ส่งผลให้อุปสงค์ลดลงและอาจส่งผลให้ราคามีการปรับฐานหรือลดลง
แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง เงินก็จะเริ่มไหลเข้าสู่ตลาดตราสารทุนและตลาดสกุลเงินดิจิทัลอีกครั้ง
Fed เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยให้เข้มงวดขึ้นในเดือนมีนาคม 2022 ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยปรับขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 0%–0.25% โดยล่าสุดเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดหวังในปี 2024 และเหตุการณ์ Bitcoin halving ที่กำหนดไว้ในเดือนเมษายน ทั้งสองอย่างนี้อาจเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะกระทิงหลังการ halving
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ nasdaq.com