ย้อนมอง Bitcoin จากการ Halving ในอดีต ส่งผลกระทบต่อราคาอย่างไรบ้าง

ในอดีต การพูดถึง Bitcoin Halving ของชุมชน Crypto ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเหตุการณ์ที่ดีมากสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา สำหรับคนที่ยังไม่ทราบ Halving คือการลดอัตราเงินรางวัลของการสร้างบล็อคใหม่ (ลดอัตราเงินเฟ้อ) ลง 50% ทุก ๆ สี่ปี ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดจำนวน Bitcoin ใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด แต่ยังเพิ่มต้นทุนในการขุดให้สูงขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่าย  ซึ่งในอดีต Halving ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการวิ่งของราคา Bitcoin ก่อนหน้านี้

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงผลกระทบทางประวัติศาสตร์ของการ Halving ของ Bitcoin เรามาดูกำหนดการของ Halving ทั้งหมดกันก่อนดีกว่า

กำหนดการ Halving

กำหนดการ Halving จะเกิดในทุก ๆ 210,000 บล็อก โดยในตอนแรกเริ่มนั้น Bitcoin เริ่มต้นด้วยรางวัลบล็อกที่ 50BTC ต่อบล็อก ซึ่งเราทราบกันดีว่า Bitcoin นั้นจะสร้างบล็อคใหม่ทุกๆ 10 นาที ดังนั้นเราสามารถสันนิษฐานได้ว่า Halving หรือการลดรางวัลบล็อก จะเกิดขึ้นในทุก ๆ 4 ปี โดยคิดเป็นสมการได้ดังนี้

210,000 บล็อก x 10 นาทีต่อบล็อก / 60 นาทีต่อชั่วโมง / 24 ชั่วโมงต่อวัน / 365 วันต่อปี

หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของ Bitcoin คือความโปร่งใสและอัลกอริธึมของนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นลักษณะที่ระบบการเงินในปัจจุบันยังขาดอยู่ ปัจจุบันมี Bitcoin ใหม่เกิดขึ้นประมาณ 1,800 BTC ทุกวัน ขณะที่หลังจากเหตุการณ์ halving ครั้งที่สามผ่านไป Bitcoin ใหม่จะลดลงเหลือประมาณ 900 BTC ต่อวัน ทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงจาก 3.70% เหลือ 1.79% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ เช่น ในสหรัฐอเมริกานั้นอยู่ที่ 1.9% ซึ่งความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ Supply ของ Bitcoin นั้นคงที่ ต่างจากดอลลาร์ ที่เราไม่ทราบว่ามี supply เท่าไหร่

ผลกระทบของ Halving ต่อราคาในอดีตที่ผ่านมา

การเคลื่อนไหวของราคาในอดีตของ Bitcoin ที่มีต่อ Halving นั้นน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ว่าจะไม่อาจยืนยันได้ว่ามันจะเกิดขึ้นแบบเดิม แต่เราก็สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไปได้

Halving ครั้งแรก

halving ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2012 โดยลดจำนวนรางวัลบล็อกลงเหลือ 25 BTC ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลังแสดงให้เห็นว่ามีการปั๊มราคาครั้งใหญ่ในเดือนมิถุนายน 2011 โดยแนวโน้มของราคาเริ่มสูงขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2011 ประมาณหนึ่งปีก่อนถึงการ Halving  

แนวโน้มขาขึ้น “ช่วงก่อน Halving” นี้ส่งผลให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้น +341.90% โดยซื้อขายกันที่ระดับราคาเฉลี่ยที่ 12.31 ดอลลาร์ต่อ BTC ในเดือนพฤศจิกายน 2012

การ halving ครั้งแรก ได้ลดอัตรา Bitcoin ใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดต่อวันจากเดิม 7,200 BTC เป็น ~ 3,600 BTC ต่อวัน และจากนั้น Bitcoin ก็สร้างผลกำไรด้วยการพุ่งสูงขึ้นเกือบ 8,000% ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี โดยมีมูลค่าราว ๆ 1,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2013

น่าเสียดายที่ในเดือนธันวาคม 2013 Bitcoin เข้าสู่ตลาดหมีไปอีกหลายปี (ส่วนใหญ่เกิดจากการแฮ็กของ Mt. Gox ) เนื่องจากราคาสินทรัพย์ลดลงมากกว่า 80% ก่อนที่นักลงทุนจะกลับมาในอีกเกือบสองปีต่อมาในเดือนตุลาคม 2015

Halving ครั้งที่ 2

Halving ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2016 สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าครั้งแรกและครั้งที่สองนั้นจริง ๆ แล้วห่างกันคือ 1,316 วันหรือ 3.6 ปี โดยจากข้อมูลพบว่า ราคามีแนวโน้มสูงขึ้นเริ่มตั้งแต่ในเดือนตุลาคมปี 2015 หรือประมาณ 9 เดือนก่อนจะถึง Halving

แนวโน้มขาขึ้น “ช่วงก่อน Halving” ส่งผลให้ Bitcoin เพิ่มขึ้น 112.0% ในช่วง 9 เดือน โดยซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ $650 ต่อ BTC ในช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคม 2016 (เพิ่มขึ้น 52 เท่าจากราคา Halving ครั้งแรก)

การ Halving ครั้งที่ 2 นี้ ลดอัตรา Bitcoin ใหม่ต่อวันจาก 3,600 BTC เหลือ 1,800 BTC ต่อวัน ซึ่งหลังจากนั้นราคาก็ดข้าสู่กระทิงตังที่แรงที่สุด โดยบวกเพิ่มขึ้นถึง +2,800% ในช่วง 18 เดือนต่อมา และไปถึงจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนธันวาคมของปี 2017 ที่ราคา $20,000 ต่อ BTC

แต่ก็เช่นเดียวกับตลาดหมีก่อนหน้านี้ หลังจากการพุ่งขึ้นอย่างแรงในปี 2017 Bitcoin ก็ลดลงเกือบ 80% ในช่วง 12 เดือน โดยราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 3,200 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคมปี 2018

Halving ครั้งที่ 3

Halving ครั้งที่ 3 จะลดรางวัลบล็อกลงเป็น 6.25 BTC จะเกิดขึ้นประมาณ 57,455 บล็อก ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายนของปี 2020

หากข้อมูลในอดีตเป็นตัวบ่งชี้ที่ดี คาดว่า BTC จะเคลื่อนไหวในในเชิงบวกเมื่อเข้าใกล้เหตุการณ์ที่ Halving โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราคาดหวังว่า Bitcoin จะไปถึงราคาสูงสุดใหม่ภายใน 12 ถึง 18 เดือน หลังจากเหตุการณ์ Halving ในเดือนพฤษภาคม 2020 ผ่านไป

กลไกสร้างแรงจูงใจในอนาคต

เมื่อบล็อกของรางวัลลดลงอย่างต่อเนื่อง Bitcoin ก็ควรที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนของ “การผลิต” 1 BTC ที่เพิ่มขึ้น และเมื่อรางวัลบล็อกลดลงอย่างต่อเนื่องจนเป็น 0 นักขุดในอนาคตจะต้องพึ่งพาสิ่งจูงใจอื่น ๆ ภายในระบบเพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

มีการคาดว่า Bitcoin จะขุดไปได้ถึงประมาณปี 2140 ซึ่งรางวัลบล็อกจะลดลงจนน้อยกว่า 1 satoshi ซึ่งก็เป็นการยืนยันว่า Bitcoin จะยังคงมีอยู่กับเราไปอีกกว่าร้อยปี แต่ก็น่าสนใจทีเดียวที่กลไกแรงจูงใจจะเป็นอย่างไรหลังจากที่ไม่สามารถขุดได้แล้ว

ตอนนี้รายได้ของนักขุดขึ้นอยู่กับรางวัลบล็อกและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ซึ่งรางวัลบล็อกจะทำหน้าที่เป็นสิ่งจูงใจพื้นฐานสำหรับนักขุด ในขณะที่ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจะเป็นแรงจูงใจให้นักขุดช่วยยืนยันการทำธุรกรรมมากขึ้น

ข้อสรุป

สำหรับคนที่ยังใหม่กับสินทรัพย์ดิจิทัล เราหวังว่าบทความนี้จะสามารถให้ความมั่นใจได้ว่าอนาคตของตลาดเหล่านี้ยังคงค่อนข้างสดใส  เราเชื่อว่า Bitcoin จะสามารถเป็น “Store of Value” ได้เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ crypto อื่น ๆ ในตลาดทุกวันนี้

อ้างอิง : link

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป