หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่เทรดเดอร์กำลังรอรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคที่จะประกาศในวันที่ 12 ตุลาคม โดยค่าเฉลี่ยดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 65.57 จุด (0.19%) เป็น 33,804.87 , S&P 500 เพิ่มขึ้น 18.71 จุด (0.43%) ปิดที่ 4,376.95 , Nasdaq เพิ่มขึ้น 96.83 จุด (0.71%) ปิดวันนี้ที่ 13,659.68
แม้ว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาหุ้นก็ยังต่ำกว่าในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากความกลัวเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นได้ครอบงำตลาดตั้งแต่นั้นมา ซึ่งทางด้านสำนักสถิติแรงงานคาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือนกันยายนวันพรุ่งนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ 0.3% ในเดือนนี้
นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในรอบนี้ ซึ่งอัตราอาจจะต้องคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังกลับมาที่ 2% ต่อปี
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลง 0.1 จุด เหลือ 4.564% และสองปีเพิ่มขึ้น 0.002 จุด เป็น 4.986%
แม้ว่า Fed จะพูดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ผู้ค้าทองคำก็ยังคงมีภาวะกระทิง โดยทองคำเพิ่มขึ้น 13.81 ดอลลาร์ เป็น 1,873.56 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ส่วนราคาน้ำมันปรับตัวลดลง โดย West Texas Intermediate ลดลง 2.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สู่ 83.33 ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 2.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สู่ 85.62 ดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 4% ในวันจันทร์ เมื่อผู้ค้าเริ่มกังวลว่าอาจมีการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส อย่างไรก็ตาม อิหร่านก็ได้ออกมาปฏิเสธการมีส่วนร่วมในความขัดแย้งไปแล้ว
ส่วนตลาดฟอเร็กซ์ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.1% สู่ 105.73 , เงินยูโรเพิ่มขึ้น 0.1275% เป็น 1.0622 , เงินเยนร่วงลง 0.2777% ทำให้จำนวนเงินเยนที่จำเป็นในการซื้อดอลลาร์เพิ่มขึ้นเป็น 149.1180 ซึ่งนักเทรดบางรายคาดหวังว่าธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงหากตัวเลขนี้สูงกว่า 150
อ้างอิง : cointelegraph
ภาพ sports.yahoo.com
