การลงโทษอย่าง “การคว่ำบาตร” ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ให้บริการปกปิดธุรกรรมอย่าง Tornado Cash ไม่สามารถตัดการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่ามันจะทำให้บริการหยุดชะงักก็ตาม : Chainalysis บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนรายงาน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ได้ประกาศคว่ำบาตร Tornado Cash สาเหตุจากการฟอกเงินของอาชญากรรม
ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 มกราคม Chainalysis กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรมีผลแค่บางประการ โดยทำให้เงินที่ไหลเข้าทั้งหมดไปยัง Tornado Cash ลดลง 68% ในช่วง 30 วัน หลังจากมาตรการคว่ำบาตรมีผลบังคับใช้
1/ The first section preview of our 2023 Crypto Crime Report is here, and it’s all about sanctions.
— Chainalysis (@chainalysis) January 9, 2023
In this 🧵 we look at how the US’ crypto-related sanctions strategy has evolved over time and 3 of OFAC’s biggest #crypto service designations to date.https://t.co/gOp1rHOQgx
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเน้นย้ำด้วยว่า เนื่องจาก Tornado Cash เป็นแพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจตาม smart-contract “จึงไม่มีบุคคลหรือองค์กรใดสามารถ ‘หยุดการทำงานของมัน’ ได้อย่างง่ายดายเท่ากับบริการแบบรวมศูนย์”
Chainalysis ยกตัวอย่างของตลาดมืด Hydra ซึ่งได้ผลตรงกันข้าม เนื่องจากการไหลเข้าของสกุลเงินดิจิทัลลดลงจนเหลือศูนย์หลังจากที่ตำรวจเยอรมันเข้ายึดเซิร์ฟเวอร์อันเป็นผลมาจากการคว่ำบาตร
Chainalysis อธิบายว่าในขณะที่การคว่ำบาตรที่ใช้กับ Tornado Cash ทำให้ “เว็บไซต์ front-end ถูกปิดตัวลง แต่ smart-contract ของมันยังสามารถทำงานได้เช่นเดิม จึงหมายความว่าทุกคนยังคงสามารถใช้งานในทางเทคนิคได้ตลอดเวลา”
“นั่นแสดงให้เห็นว่าการลงโทษต่อบริการแบบกระจายอำนาจ ทำได้แค่ลดแรงจูงใจในการใช้บริการมากกว่าที่จะตัดการใช้งานโดยสิ้นเชิง”
Chainalsis ระบุว่าการใช้ Tornado Cash อย่างผิดกฎหมายนั้นเกี่ยวข้องกับการแฮ็กและการหลอกลวงเกี่ยวกับคริปโตเป็นหลัก โดยมีค่าเฉลี่ยประมาณ 34% ของเงินที่ไหลเข้าทั้งหมดที่มีสาเหตุมาจากเรื่องดังกล่าว
อ้างอิง : LINK