กิจกรรมการแฮ็กของเกาหลีเหนือ เริ่มเบาลงหลังจากหน่วยงานหันมาใช้ KYC ตามรายงานจากเกาหลีใต้

ตามรายงานใหม่ที่เผยแพร่โดย National Intelligence Service (NIS) ของเกาหลีใต้ ระบุว่า แฮ็กเกอร์ชาวเกาหลีเหนือได้ขโมย cryptocurrencies มูลค่ากว่า 800 พันล้านวอน (620 ล้านเหรียญสหรัฐ) จากแพลตฟอร์มทางการเงินแบบกระจายอำนาจหรือ DeFi ในปีนี้ โดยหน่วยงานยังเปิดเผยว่าสามารถบล็อกการโจมตีเฉลี่ย 1.18 ล้านครั้งต่อวันที่กระทำโดยองค์กรแฮ็คระดับชาติและนานาชาติในเดือนพฤศจิกายน 

อย่างไรก็ตาม โฆษกของ NIS ได้เปิดเผยผ่านสำนักข่าวท้องถิ่น Kyunghyang Shinmun ว่า เงินจำนวน 620 ล้านดอลลาร์ที่ถูกขโมยโดยแฮ็กเกอร์ชาวเกาหลีเหนือผ่านการใช้ประโยชน์จาก DeFi นั้นเกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า 

“ในเกาหลี ธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลถูกเปลี่ยนเป็นธุรกรรมที่ต้องมีการระบุชื่อจริงและความปลอดภัยก็แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีความเสียหายมากนัก”

ในปี 2021 เกาหลีใต้ใช้กฎการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ต้องมีการ Know Your Customer ซึ่งกำหนดให้ลูกค้าต้องสร้างบัญชีด้วยชื่อจริงกับธนาคารเดียวกันกับเว็บเทรดสกุลเงินดิจิทัลเพื่อฝากหรือถอนเงิน จากนั้นทั้งธนาคารและเว็บเทรดจำเป็นต้องยืนยันตัวตนของลูกค้า นอกจากนี้ เว็บเทรดจะต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการบริการทางการเงินก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ

กลุ่มแฮ็กเกอร์ของเกาหลีเหนือ เช่น Lazarus Group เชื่อมโยงกับการโจมตีโครงการ DeFi ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากในปีนี้ รวมถึงการโจมตี Harmony มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นวิธีการหาเงินจากต่างประเทศท่ามกลางการคว่ำบาตรทางการค้าที่เข้มงวดซึ่งกำหนดโดยประชาคมระหว่างประเทศ 

NIS ยังเตือนด้วยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือจะทวีความรุนแรงขึ้นในปีหน้า

อ้างอิง : LINK
ภาพ LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป