Fabian Astic หัวหน้าฝ่าย DeFi และสินทรัพย์ดิจิทัลของ Moody’s Global บอกในการให้สัมภาษณ์พิเศษว่า ข้อจำกัดในกฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรป อาจทำหน้าที่เป็นตัวสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรม Stablecoin ในยุโรป
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตัวแทนชาวยุโรปได้ลงคะแนนให้จัดทำหลักเกณฑ์ด้านกฎระเบียบของ Markets in Crypto Assets (MiCA) แม้ว่าในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา การแก้ไขกรอบงาน MiCA ระดับชาติต่าง ๆ ของยุโรปจะมีการเสนอที่แตกต่างกันในส่วนของกฎระเบียบของ Stablecoin แต่ท้ายที่สุดแล้วข้อจำกัดใน Stablecoin ที่ไม่ได้ผูกกับเงินยูโรก็ได้เข้าสู่แนวทางการกำกับดูแล โดยกฎระเบียบดังกล่าวได้กำหนดวงเงิน 200 ล้านยูโร (ต่ำกว่า 194 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับการทำธุรกรรมต่อวันที่ไม่ใช่เหรียญ stablecoin ที่ผูกกับเงินยูโร
ด้วยการโหวตขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับกฎหมายฉบับใหม่ที่คาดไว้ในวันที่ 10 ต.ค. ผู้บริหารจาก Moody’s Investors Service ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับข้อกำหนดที่จะเกิดขึ้นในการให้สัมภาษณ์พิเศษโดยระบุว่า
“ตามการคาดการณ์ของ MiCA ในปี 2024 ผู้เข้าร่วมจะมีเวลาเพียงสองปีในการเพิ่ม stablecoins ที่ผูกกับสกุลเงินยูโรในภูมิภาค ซึ่งอาจจะทำให้เหรียญที่ผูกด้วยยูโรเป็นผู้เล่นหลักใน crypto ทั่วโลกและพื้นที่ DeFi แต่หากไม่มีเหรียญ stablecoin ที่มีเงินสกุลยูโรเพียงพอ ความคืบหน้าก็อาจชะลอตัวลง เนื่องจาก Stablecoin ส่วนใหญ่ในปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากดอลลาร์สหรัฐฯ”
“แม้ว่า Stablecoin ที่ผูกด้วยเงินดอลลาร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายจำนวนหนึ่งนั้นได้รับการออกแบบและใช้งานโดยผู้ให้บริการ web3 นอกภาคการธนาคาร แต่ผู้เล่นด้านการเงินแบบดั้งเดิมที่มีอยู่ที่เข้ามาในพื้นที่ก็ได้นำการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีอยู่มาด้วย ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลอาจชื่นชอบมากกว่า”
“การใช้งาน stablecoin ที่ไม่ใช่สกุลเงินยูโรนั้นมีความสำคัญ เนื่องจากมันสามารถเป็นเชื้อเพลิงให้กับระบบนิเวศของ European DeFi หรืออาจเป็นอุปสรรคที่แท้จริง” Astic กล่าว “จริง ๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับว่าผู้เข้าร่วมตลาดในยุโรปพร้อมที่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับตลาดด้วยเหรียญ stablecoin ที่เป็นสกุลเงินยูโรมากขึ้นหรือไม่”
เป้าหมายหลักของการออกกฎหมาย ควรให้ความสำคัญกับความสะดวกในการเข้าถึงบริการทางการเงิน และ “ต้อวแน่ใจว่าสังคมจะได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น”