การ Stake Ethereum ช่วยขยายการเข้าถึงของสถาบัน แต่ช่วงแรกอาจยังมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของ Ethereum blockchain คาดว่าจะลดลง 99% หลังจากผ่าน The Merge ซึ่งการเปลี่ยนไปใช้การ Stake รองรับทั้งสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยและสถาบัน และอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ crypto ตามรายงานจาก Bitwise เมื่อวันอังคาร

บริษัทคาดการณ์ว่า Ethereum จะได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้น 4%–8% สำหรับนักลงทุนระยะยาวผ่านการ Stake Ether ( ETH ) ในขณะที่นักวิเคราะห์ของ JP Morgan คาดการณ์ว่าผลตอบแทนรวมจากการ Stake บนบล็อคเชน PoS จะเติบโตเป็นสองเท่าถึงระดับ 40,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025

ผู้ใช้ที่ stake สินทรัพย์ crypto จะได้รับรางวัล — ที่เรียกว่าผลตอบแทน — จากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่จ่ายโดยผู้ใช้เครือข่ายรายอื่น โดยบางคนมองว่าเป็นรูปแบบของการสร้างรายได้แบบ passive income ซึ่งการ Stake ต้องการให้ผู้ใช้ล็อคทรัพย์สินของตนใน smart contract แต่ในช่วงเวลานั้นเหรียญจะไม่สามารถใช้หรือซื้อขายในตลาดได้  และนี่อาจเป็นหนึ่งในความท้าทายหลักในการปรับใช้ PoS blockchains โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน

ในรายงานผลกำไรในไตรมาสที่ 2 นาย Alesia Haas ซีอีโอของ Coinbase ตั้งข้อสังเกตว่า การเข้าซื้อสินทรัพย์ crypto ของสถาบันอาจเป็น “ปรากฏการณ์” ในอนาคต ทันทีที่ตลาดสามารถเอาชนะเรื่องการล็อคสภาพคล่องได้

ผู้เล่นในอุตสาหกรรมก็ได้มีการเสนอวิธีแก้ปัญหาจำนวนหนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องของเหรียญที่มีการนำไป stake โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Alluvial ได้ประกาศเปิดตัว liquid collective enterprise และโปรโตคอลแบบ multichain โดยมี Coinbase และ Kraken เป็น integrators โดยมี Coinbase Cloud และ Figment เป็น validators ซึ่งโซลูชันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สถาบันมีโซลูชัน liquid staking ที่ใช้งานได้จริง

Matt Leisinger ซีอีโอของ Alluvial กล่าวในแถลงการณ์ว่า “Proof of Stake คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดของ crypto ทั้งหมด แต่ยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ถือโทเค็นระดับสถาบันที่จะเข้าร่วมในการลงทุนใน liquid staking”

อย่างไรก็ตาม การ Stake ก็สามารถนำมาสู่ปัญหาการรวมศูนย์ได้เช่นกัน จากโดยการวิเคราะห์จาก Santiment ระบุว่า 46.15% ของโหนด PoS ของ Ethereum ถูกควบคุมโดยที่อยู่เพียงสองแห่งที่เป็นของ Lido และ Coinbase ตามลำดับ ซึ่งถือครองส่วนแบ่งตลาด 30.8% และ 14.7% ของ ETH ที่ Stake

เมื่อมีผู้ให้บริการ Stake เข้ามาในตลาดมากขึ้น ไม่เพียงแต่ผู้ถือระดับสถาบันจะได้รับประโยชน์ แต่ความเสี่ยงก็อาจลดน้อยลง และจะมีความยืดหยุ่นของเครือข่ายที่ดีขึ้น ตามการวิเคราะห์ของ Bitwise

อ้างอิง : LINK
ภาพ LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป