ตลาด Crypto เอาไงต่อ หลังจากที่ Ethereum Merge สิ้นสุดลงแล้ว?

Ethereum Merge เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว ปล่อยให้นักลงทุนได้ไตร่ตรองว่าแนวโน้มต่อไปในตลาดจะเป็นอย่างไร  ซึ่งในพื้นที่ Twitter ของ Cointelegraph กับ Charles Edwards ผู้ก่อตั้ง Capriole นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความตื่นเต้นใน Ethereum Merge และการเคลื่อนไหวของราคานั้นค่อนข้างทำให้มีความหวังไปทั่วทั้งตลาด  แต่เมื่อเหตุการณ์ได้ผ่านไปแล้ว ตลาด crypto ก็ถูกเทขาย โดยราคาของ Bitcoin ( BTC ) ซื้อขายต่ำกว่า $20,000 และ Ether ( ETH ) ต่ำกว่า $1,500 

อดีตนักขุด ETH จะไปที่ไหน?

เครือข่าย Ethereum ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนไปใช้โมเดล proof-of-stake (PoS) ซึ่งหมายความว่าผู้ขุดจะไม่มีอีกต่อไป ซึ่งเป็นไปได้ว่านักขุดอาจเลือกที่จะขุดใน Chain อื่นแทนการขายอุปกรณ์ของพวกเขา

โดยมี Ravencoin, Flux, Ethereum Classic และ Ergo เป็นผู้นำ โดยแต่ละเครือข่ายได้เห็นอัตรา hash rate เพิ่มขึ้นเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลดังที่แสดงด้านล่าง

ราคาของ altcoin แต่ละตัวก็เพิ่มขึ้นเช่นกันในเดือนที่ผ่านมา โดย RVN ของ Ravencoin เพิ่มขึ้น 169% , ERG ของ Ergo เพิ่มขึ้น 132% , Flux เพิ่มขึ้น 156% และ ETC ของ Ethereum Classic เพิ่มขึ้น 135% ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา

ที่น่าสนใจคืออัตรา hash rate และราคาลดลงอย่างรวดเร็วในวันที่ 15 กันยายน และในขณะที่เขียน ก็มีเพียง Flux และ RVN ที่ดูเหมือนจะดีดตัวขึ้น แต่ในอีกไม่กี่สัปดาห์และหลายเดือนที่จะถึงนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะดูว่าเครือข่ายใดที่จะสามารถเป็นบ้านใหม่ของนักขุด ETH อย่างแท้จริง และผลกระทบที่มีต่อราคาของคริปโตเคอเรนซี

Cosmos ยังคงขยายตัวต่อไป

ระบบนิเวศของ Cosmos ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนว่าจะดึงดูดผู้ซื้อให้มายัง ATOM โดยนับตั้งแต่แตะจุดต่ำสุดที่ 5.50 ดอลลาร์ในวันที่ 18 มิถุนายน ราคาของ ATOM ได้เพิ่มขึ้น 137.5% และปัจจุบันซื้อขายที่เหนือ 16 ดอลลาร์ ซึ่งการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนมองว่า liquid staking ที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ทำให้ ATOM ถูกใช้เป็นหลักประกันสำหรับเหรียญ Stablecoin และการเปิดตัว Cosmos Hub 2.0 และการฟื้นตัวในที่สุดของการเงินแบบกระจายอำนาจโดยทั่วไปเป็นปัจจัยระยะยาวที่เป็นบวกสำหรับราคา ATOM

ความตึงเครียดในระดับมหภาค

ความตึงเครียดในระดับมหภาค อาจยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตและตลาดหุ้น โดยดัชนีผู้บริโภคที่ร้อนแรงตั้งแต่วันที่ 12 กันยายนอาจนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อราคาหุ้นก็อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงยิ่งขึ้นต่อราคาคริปโต

ด้วยเหตุผลนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงไม่ชอบความเสี่ยงต่อคริปโตเคอเรนซี และเป็นไปได้จะมีการลงมาทดสอบแนวรับ $19,000 อีกครั้งในท้ายที่สุดและอาจส่งผลให้เกิดการพังทลายต่ำกว่าจุดต่ำสุดประจำปี

อ้างอิง : LINK
ภาพ LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป