Jamie Dimon – CEO ของ JP Morgan Chase – แสดงการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งสำหรับการเงินแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Finance) และเทคโนโลยีบล็อคเชน ในจดหมายฉบับล่าสุดถึงผู้ถือหุ้น
จดหมายฉบับดังกล่าวซึ่งออกเมื่อวานนี้ ได้กล่าวถึงหัวข้อต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศทางการเมือง สภาพเศรษฐกิจมหภาค แนวการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป และการลงทุนของบริษัท โดยเมื่อกล่าวถึงส่วนของการลงทุนของบริษัทนั้น Dimon ตั้งข้อสังเกตว่า JP Morgan ได้ลงทุนในการปรับปรุงธุรกิจให้ทันสมัยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อ “แข่งขันกับทั้งธนาคารและบริษัทฟินเทค”
และในบรรดานวัตกรรมใหม่ ๆ เหล่านั้นก็คือ JPM coin ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ที่หนุนด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ในปี 2019 โดยช่วยให้ธนาคารสามารถ “ตรวจสอบบัญชี” และ “ชำระเงินแบบ programmable ได้”
Stablecoin ซื้อขายบน blockchain LIINK ซึ่งเปิดตัวในปี 2017 ซึ่งถูกใช้โดยสถาบันการเงินมากกว่า 400 แห่งจนถึงปัจจุบัน
“การกระจายอำนาจทางการเงินและบล็อกเชนนั้นเป็นเทคโนโลยีใหม่จริง ๆ ที่ปรับใช้ได้ทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะแบบ permissioned หรือไม่ก็ตาม” Dimon เขียน “JPMorgan Chase อยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรมนี้”
อันที่จริง ความสนใจในบล็อกเชน non-permissionless และแม้กระทั่งที่ไม่ใช่ทางการเงินก็กำลังเติบโตขึ้น โดยสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ออกการประเมินเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งครอบคลุมข้อดีและข้อเสียของการใช้บล็อคเชนในห่วงโซ่อุปทานด้านเภสัชกรรม และสำหรับการออก digital ID
ในทำนองเดียวกัน CEO ของ JP Morgan เชื่อว่าจะมี “การใช้งานหลายอย่างที่บล็อคเชนสามารถแทนที่หรือปรับปรุงสัญญา , การเป็นเจ้าของข้อมูล , และการปรับปรุงอื่นๆ” แต่ก็ยังคงมีบางกรณีการใช้งานที่ “ขณะนี้ยังมีราคาแพงเกินไปหรือช้าเกินไปที่จะปรับใช้”
Dimon ยังยอมรับด้วยว่าการแข่งขันจาก Fintech กำลัง “ทวีความรุนแรงขึ้น” และมีส่วนทำให้บทบาทของธนาคารในระบบการเงินโลกลดลง