‘การแบน Crypto ของจีน มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อ Neo’ นักพัฒนาของโครงการกล่าว

จากโครงการที่ครั้งหนึ่งเคยถูกยกย่องว่าเป็น “Ethereum of China” ปัจจุบันราคาโทเค็นของ Neo ได้ลดลงในช่วงเวลาที่ยากลำบากนับตั้งแต่ประเทศได้ออกคำสั่งห้ามดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลอย่างเฉียบพลันในปีที่แล้ว  และในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Cointelegraph นักพัฒนาของ Neo ซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน อธิบายว่าพันธมิตรที่ดำเนินโครงการส่วนใหญ่นั้นได้รับการสนับสนุนจาก Neo Global Development หรือ NGD ซึ่งมาจากหลากหลายประเทศนอกประเทศจีน

นอกจากนี้ Neo ยังคงขยายธุรกิจในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง  โดยปัจจุบันเป็นหนึ่งในเจ็ดบล็อกเชนที่ได้รับอนุญาตในเครือข่ายบล็อคเชนของประเทศจีนหรือ BSN ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายของกลุ่มคือการขยายการยอมรับ nonfungible tokens ในประเทศ

นอกจากนี้ยังมีโครงการ DeFi และแอปพลิเคชันที่กระจายอำนาจหรือ dApps ค่อนข้างน้อย นับตั้งแต่เปิดตัว Neo 3.0 เมื่อปีที่แล้ว ตัวอย่างหนึ่งคือ Defina Finance เกมเมตาเวิร์ส NFT แนวอนิเมะที่ใช้รูปแบบ play-to-earn  โดยมีปริมาณการซื้อขายในตลาด Defina มูลค่าเกิน 100 ล้านดอลลาร์ ณ เวลาที่เผยแพร่ ซึ่ง Defina เริ่มขยายไปสู่ ​​Neo N3 ในปี 2021 โดยร่วมมือกับ NGD

แต่ตามที่ทีมงานของโครงการกล่าวว่า การพัฒนาที่ “เจ๋งที่สุด” น่าจะเป็น Rentfuse โดย Neo อธิบายว่า:

“Rentfuse เป็นโปรโตคอลที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับข้อตกลงสำหรับการเช่า NFT ระหว่างเจ้าของและผู้เช่าสำหรับการเล่นเกมหรือฟังก์ชันอื่น ๆ ซึ่งผู้นำ Neo กำลังทำงานร่วมกับ Rentfuse เพื่อสร้างมาตรฐานการเช่า NFT สำหรับระบบนิเวศของ Neo”

นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ดูเหมือนจะชอบชุมชน Neo มากขึ้น “เราเข้าถึงผู้คนหลายพันคนผ่าน Neo socials เพื่อให้ผู้คนรู้จักเรามากขึ้น และเราได้พัฒนา core contracts ของ Rentfuse” Michael Fabozzi ผู้ก่อตั้ง Rentfuse กล่าวในแถลงการณ์ “ขอบคุณที่เชื่อมั่นในเรา .”

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ Neo มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในกลุ่ม smart-contract และ proof-of-stake blockchains พวกเขาอธิบายว่า จากไฮไลท์มากมาย Neo 3.0 มี oracle ในตัวสำหรับคำขอ HTTPS หรือ NeoFS นอกจากนี้ยังมีโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายอำนาจสำหรับความสามารถในการปรับขนาดและความเป็นส่วนตัวบนเครือข่าย NeoFS

นอกจากนี้ โปรโตคอลสำหรับการทำงานร่วมกัน “Poly” ก็เปิดใช้งานการ cross-chain ระหว่าง Neo และ Ethereum (ETH), Binance Chain (BNB) และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมี NeoID ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มเกี่ยวกับ self sovereign identity ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งระดับการตรวจสอบคุณลักษณะได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าสัญญาทำงานได้อย่างถูกต้อง

อ้างอิง : LINK
ภาพ LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป