แม้ว่าเครือข่าย Solana จะขัดข้องไปหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ Sam Bankman-Fried (SBF) ซีอีโอของ FTX เชื่อว่ามันยังเป็นบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสูง และดีกว่าเครือข่ายอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม
การหยุดชะงักของเครือข่าย Solana ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์และกินเวลานานกว่า 48 ชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้ DeFi ที่ยืมเงินจากแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมต้องถูกบังคับล้างพอร์ตไปตาม ๆ กัน ซึ่งตามที่ทีมของ Solana ระบุนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันศุกร์เป็นผลมาจาก “ธุรกรรมที่ซ้ำกันมากเกินไป” จากบอท ซึ่งทำให้เครือข่ายประสบกับความแออัดในระดับสูง
การหยุดทำงานครั้งล่าสุดทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้งานในอุตสาหกรรม หลายคนตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของ Solana ซึ่งบางคนคิดว่ามันไม่อาจแข่งขันกับบล็อคเชนอื่น ๆ ในอนาคตได้อีกต่อไป
ในขณะที่ทั้งนักวิจารณ์และผู้สนับสนุน ต่างแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาของเครือข่าย Solana แต่ทางด้าน Bankman-Fried ก็ได้ทวีตเมื่อวันอังคารโดยสังเกตว่า แม้จะมีข้อบกพร่องล่าสุดของเครือข่าย แต่มันก็ยังเหนือกว่าเครือข่ายอื่น ๆ เนื่องจาก Solana สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากกว่าเครือข่ายหลักอื่น ๆ ทั้งหมดรวมกัน
เขาชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าจำนวนธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ที่ประมวลผลโดยเครือข่าย Solana จะลดลงอย่างมาก แต่ก็ยังทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากกว่าเมื่อเทียบกับบล็อกเชนอื่น ๆ
“ยังมีงานให้ทำอีกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงมือทำนั่นเอง ดังนั้น คุณยังคงต้องทำงานเพื่อเพิ่มปริมาณงานของระบบ และประสิทธิภาพการปรับขนาดตามความต้องการ” เขากล่าว
ขณะที่ Larry Cermak ตอบกลับว่า การหยุดชะงักของ Solana ได้ทำให้เกิดการล้างพอร์ตของนักเทรดหลายพันราย และส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของพอร์ตการลงทุน crypto ของพวกเขา
“ปัญหาหลักในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา คือคุณไม่สามารถทำธุรกรรมได้ในเวลาที่คุณต้องการมากที่สุด หากผมถูกบังคับขายเพราะผมไม่สามารถรักษา Position ของผมได้เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่ายที่หยุดชะงัก ดังนั้นมันจึงยากที่จะทำให้คนกลับมาไว้วางใจใช้งานมันอีกครั้งสำหรับการธุรกรรมประเภทนั้น” เขากล่าว