[รีวิว] FTX เพื่อนและคู่แข่งตัวฉกาจของ Binance ว่าที่เว็บเทรดอันดับ 1 ของโลก

ใน Spot Market ของ Cryptocurrency นั้น Binance แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนนับว่าเป็นเบอร์ 1 อย่างไร้ข้อกังขา แต่อย่างไรก็ตามใน Derivative Market นั้น มีน้องใหม่มาแรงอย่าง FTX แพลตฟอร์มที่สร้างเพื่อเทรดอนุพันธ์ใน Cryptocurrency เป็นหลักที่จะกำลังมาสั่นคลอนส่วนแบ่งในตลาดนี้

FTX คืออะไร ?

FTX คือแพลตฟอร์มสำหรับเทรด Cryptocurrency โดยเน้นไปทางด้านการเทรดอนุพันธ์ ซึ่งตัวของ FTX นั้น สร้างด้วยแนวคิดที่ว่า “แอปเทรดที่สร้างโดยผู้เทรด เพื่อผู้เทรดอย่างแท้จริง” โดย FTX มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากตั้งแต่  Industry-first derivatives (อนุพันธ์ทั่วๆไป), Options (Long/ Short option โดย Leverage ได้สูงสุดถึง 101x ), Volatility products (ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความผันผวนของราคาสินทรัพย์) และ Leveraged tokens (โทเคนที่มี Leverage อย่างเช่น Bull/usd,3x Long BTC) อีกทั้ง FTX ยังถูกออกแบบให้มีเครื่องมีครบครั้นสำหรับนักเทรดมืออาชีพแต่ยังเฟรนลี่สำหรับนักเทรดมือใหม่ 

ค่าธรรมเนียมการฝากและการถอน

FTX ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการฝากและการถอนโดยใช้ FTX chain แต่ถ้าเป็น ETH, ERC-20 tokens, Omni นั้น ผู้เทรดจะทำธุรกรรมฟรีก็ต่อเมื่อมี Staked FTT ไว้ 150 เหรียญเป็นอย่างน้อย 

แล้ว FTX จะขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้ยังไง ?

นอกจากคุณสมบัติทั่วไปที่เว็ปเทรดชั้นนำควรจะมีอย่างเช่น ความเสถียรของระบบ เรื่องของ Liquidity ความปลอดภัยของข้อมูล เว็ปใช้งานง่ายสะดวก เครื่องมือต่างๆครบครั้น FTX นั้น ยังมีรูปแบบของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย และ Ecosystem ที่แข็งแกร่ง

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใน FTX

Future 

ผลิตภัณฑ์ฟิวเจอร์ของ FTX นั้นมีหลากหลายคู่สัญญาให้ผู้เทรดได้เลือกเทรด เช่น BTC LTC DOT SOL และอื่นๆอีกมากมาย อีกทั้งคู่สัญญาฟิวเจอร์ของ FTX นั้นไม่ได้มีแต่ Perpetual เพียงอย่างเดียว FTX ยังมีคู่สัญญา June 2021 future, Dec 2021 future รวมถึงยังมีคู่สัญญา Index สำหรับผู้เทรดที่ถนัดมองในภาพใหญ่ของตลาดอีกด้วย

Spot

ถึงแม้ FTX จะเคลมว่าตนเองให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ด้านอนุพันธ์เป็นหลัก แต่ในตลาด Spot ของ FTX นั้นมีคู่เทรดถึง 197 คู่ อีกทั้งยังมีปริมาณการซื้อขายสูงถึง $675 ล้านตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Stocks

เราสามารถเทรดหุ้นบน FTX ได้ !!! ซึ่งหุ้นใน FTX มาในรูปแบบของ Tokenized Stocks ซึ่งคือหุ้นที่เป็นสินทรัพย์จำลอง ( Synthetic Asset ) โดยใช้ Crytocurrency ในการซื้อขายได้ ซึ่ง FTX ได้ร่วมมือกับทาง CM-equity AG  เพื่อออก Tokenized Stocks โดยมีหุ้นนั้นๆมาค้ำประกันในอัตรา 1:1 ซึ่งหุ้นที่มีให้เทรดก็เป็นหุ้นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี อย่างเช่น หุ้น Tesla, Microstrategy, Nio, Twitter และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งในรูปแบบของ Spot และ Future เลยทีเดียว

Tokenized Tokens คือโทเคนที่ใส่ Leverage เพิ่มให้กับตัวสินทรัพย์นั้นๆ อย่างเช่น Leveraged Token Bull BTC 3x ก็หมายถึง BTC ที่มี Leverage 3x โดยเป็นขา Long ซึ่งทาง FTX นั้นมี Leveraged ให้เลือกตั้งแต่ -3x ไปยัน +3x (- หมายถึงขา Short, +หมายถึงขา Long) ซึ่งหลายๆคนอาจจะแปลกใจว่าแล้ว 0.5x leveraged token มันสร้างขึ้นมาทำไมนะ ? เป็นอันรู้กันโดยทั่วไปอยู่แถวสำหรับนักเทรดคริปโตว่าตลาดนี้นั้นมีความผันผวนมากกว่าตลาดอื่น ๆ เป็นอย่างมาก ซึ่ง 0.5x ถูกดีไซน์ขึ้นมาสำหรับนักเทรดที่ต้องการลดความเสี่ยงจากความผัวผวนของราคาสินทรัพย์นั้นเอง 

Volatility

Volatility เป็นผลิตภัณฑํทางการเงินในที่จะเป็นการเก็งกำไรโดยใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ โดยเป็นลักษณะในการซื้อขายสัญญาต่างๆที่คาดเดาความผันผวนของสินทรัพย์ โดยผลิตภัณฑ์ตรงนี้จะแบ่งออกได้เป็น 3 หมดหมู่ย่อยคือ Option, Move และ BVOL

Option : คือการซื้อขายสิทธิจะซื้อขายล่วงหน้าหรือที่เราเรียกว่า Option (หรือก็คือ Short Long นั่นแหละ)โดยในตอนนี้มีแต่ Bitcoin เท่านั้น ซึ่งผู้เทรดสามารถเข้าไป Call (ซื้อสัญญาซื้อล่วงหน้า) / Put (ซื้อสัญญาขายล่วงหน้า) ได้ตามต้องการ

Move : Move Contract จะเป็นสัญญาที่จะมีมูลค่าตามดรรชนีความผันผวนของสินทรัพย์นั้นๆในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างเช่น BTC-MOVE-2021Q2 เป็นความผันผวนราคา BTC ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 (ช่วงเดือนมีนาคม ถึง มิถุนายน) ตัวอย่างเช่นถ้าต้นเดือนมีนาคม Bitcoin ราคา 50,000 USD และในเดือนเมษายน Bitcoin ราคา 60,000 USD เท่ากับว่าสัญญาฉบับนี้มีค่าเท่ากับ 10,000 USD ซึ่งมันจะหมดอายุในเดือนมิถุนายมและเราสามารถ Short หรือ Long มันได้

BVOL : Bitcoin Volatility Token จะเป็นเหรียญที่จะมีมูลค่าขึ้นลงตามความผันผวนของตลาด โดยมันจะอ้างอิงกับสัญญา  FTX MOVE และสัญญา BTC-PERP ตัวอย่างเช่นถ้าเราซื้อเหรียญ BVOL จำนวน $10,000 จะเท่ากับว่าเรา ซื้อสัญญา FTX MOVE จำนวน $10,000 และซื้อสัญญา shorts $10,000 จาก BTC-PERP

ซึ่งถ้าให้อธิบายง่ายๆคือเหรียญ BVOL จะเป็นเหรียญที่มีมูลค่ามากขึ้นเมื่อ ตลาดมีความผันผวนมากในทางกลับกัน  IBVOL (Inversed Volatility Token) จะเป็นเหรียญที่มีมูลค่ามากขึ้นเมื่อ ตลาดมีความผันผวนน้อย

Prediction

Prediction หรือ การทำนาย ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับแพลตฟอร์มในการซื้อขาย Cryptocurrency เป็นอย่างมาก ซึ่งในตอนนี้ FTX มี Prediction ให้เลือก 2 อย่าง.. 

1. OLY2021

เป็นการทำนายว่า จะมีการจัดโอลิมปิคขึ้นในปี 2021 หรือไม่ ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ก็ยังไม่แน่ไม่นอนเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ก็ยังคลุมเคลือและมีการแพร่ระบาดเป็นระยะๆ โดยถ้ามีการจัดโอลิมปิคราคาของสัญญาก็จะเป็น $1 แต่ถ้าไม่ก็จะเป็น $0 ซึ่งในระหว่างที่สัญญายังเปิดอยู่ราคาของสัญญาก็เคลื่อนไหวในกรอบ $0 – $1

2. TRUMP2024  

เป็นการทำนายว่า DONALD TRUMP จะชนะการเลือกตั้งของสหรัฐในปี 2024 ได้หรือไม่ โดยถ้า TRUMP ชนะการเลือกตั้งสัญญาก็จะเป็น $1 แต่ถ้าไม่ก็จะเป็น $0 โดยปัจจุบันราคา TRUMP2024 อยู่ที่ $0.094 เท่ากับว่าถ้า TRUMP สามารถชนะการเลือกตั้ง 2024 ได้ คนที่ซื้อ TRUMP2024 ในตอนนี้จะมีกำไรสูงกว่า 1000% เลยทีเดียว

ช่องทางการซื้อขายด้วยสกุลเงินหลัก (FIAT)

ฟังก์ชั่นนี้หลักจะเป็นการทำธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินหลัก โดยจะมีทั้งการแลกเปลี่ยนเงิน ให้เป็นเงินดิจิตัลอย่างเช่นคู่ของ USDT/USD การแลกเปลี่ยนระหว่างคู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD, SDG/USD และอีกหลายๆคู่ อย่างสุดท้ายคือสัญญาฟิวเจอร์สำหรับ USDT, TRYB, BRZ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์มากๆสำหรับบริษัทที่ทำด้าน Cryptocurrenct ในการควบคุมความเสี่ยงของค่าเงิน 

ECOSYSTEM ของ FTX

FTX มี Token ที่ชื่อ FTT โดยทาง FTX ได้ออกแบบ FTT เพื่อเพิ่มเน็ตเวิคเอฟเฟ็ค ความต้องการ FTT  และ ลดซัพพายในระบบลงเพื่อการนั้น FTT จะมีฟังก์ชั่นใช้งานหลักๆอยู่ทั้งหมด 7 อย่าง

1 Token Burn

Token Burn หรือ การเผาเหรียญโทเค็นเพื่อลด Supply ในระบบ โดยประมาน ⅓ ของค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นบน FTX จะนำมาใช้เพื่อซื้อ FTT มาเผาโดยเฉพาะ

2 Collateral

FTT สามารถนำมาใช้คำประกันในการเล่น Future ได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มความต้องการในตัว FTT Token อีกทั้งสำหรับ Margin Trading ที่จะออกในอนาคตก็สามารถใช้ FTT มาคำ้ประกันได้เช่นเดียวกัน

3 Discount on Trading Fee

โดยถ้าผู้เทรดได้ถือเหรียญ FTT ไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด จะได้รับส่วนลดในการเทรด Future โดยการการลดราคานี้จะแบ่งเลเวลตามจำนวนเหรียญที่ถืออยู่ตั้งแต่ 3% ไปจนสูงสุดถึง 60% ซึ่งเป็นแผนการเพื่อให้ผู้เทรด ถือ FTT ไว้มากขึ้นและนานขึ้น เป็นการเพิ่มความต้องการให้เหรียญใน ecosystem ของ FTX

4 OTC Rebates

Over The Counter rebates เป็นส่วนลดสำหรับผู้เทรดที่ทำธุรกรรมใน OTC ของ FTX โดยผู้เทรดต้องถือ FTT ในปริมาณที่ FTX กำหนดไว้

5 OTC Burn

FTX   จะซื้อ FTT กลับมาเพื่อเผาในการลดปริมาณ FTT ในตลาด ตามปริมาณการซื้อขายของ OTC และ รายได้จาก OTC portal

6 Socialize Gain

FTX ได้ทำการ backtest (การทดสอบกลยุทธ์ที่ใช้) และ จำลองสภาพตลาดเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันมากๆ ซึ่งผลปรากฏว่าตัว FTX เองนั้น ไม่ต้องเสียค่าชดเชยใดๆให้กับลูกค้าจากการที่ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน อีกทั้งยังได้เงินเพิ่มมาเข้าในทุนประกันของตัวแพลตฟอร์มเองเนื่องจาก Backstop liquidity provider system ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งผู้ที่ถือ FTT ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากเงินที่เพิ่มเข้ามาตรงนี้ตามอัตราของ FTT ที่ถืออยู่อีกด้วย

7 Future Expansion

ในกรณีนี้จะคล้ายๆกับ Binance ที่เปิดให้เข้าซื้อ IEO ผู้เทรดก็จำเป็นที่จะต้องมี BNB ในแอคเคาท์ เพื่อรับสิทธิ์ในการซื้อ IEOโดยในอนาคตเมื่อมี IEO บนแพลตฟอร์มของ FTX ผู้เทรดที่ถือ FTT ก็จะได้รับสิทธิ์ในการซื้อตามเงื่อนไขที่ FTX กำหนด

สรุปแล้ว FTX เป็นยังไง ?

สรุปแล้ว FTX ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเทรดอนุพันธ์ Cryptocurrency ที่น่าสนใจจากทั้งการที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย สภาพคล่องสูง spread ระหว่างราคาซื้อขายที่ต่ำ อีกทั้งผู้ก่อตั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินจาก Wall street ซึ่งในอนาคตยังมีแพลนที่จะออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆให้ผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น FTX ยังมีระบบ Ecosystem ที่แข็งแกร่ง จากการใช้ FTT token ให้สำหรับผู้ใช้งาน FTX ในการใช้ลดค่าธรรมเนียม และรับสิทธิ์ประโยชน์ต่างๆอีกมากมายในอนาคต และที่สำคัญทาง Binance ได้เล็งเห็นศักยภาพของ FTX และได้เกิดจากลงทุนเพื่อร่วมกันพัฒนา Cryptocurrency ecosystem ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป