พวกเราภูมิใจนำเสนอโพรดักหลักของเรา “The Unifty Gallery” จากที่เห็นในชื่ออยู่แล้ว The Gallery คือการตีความแกลเลอรีศิลปะแบบดั้งเดิมว่าจะกลายมาอยู่ในรูปแบบของโลกดิจิทัลได้อย่างไร ไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ที่มีต่อการแสดงงานศิลปะเท่านั้น แต่ที่มากไปกว่านั้น คือจะสร้างรายได้จากงานศิลปะนั้นได้อย่างไร และคุณค่าของงานศิลปะนั้นนำอะไรมาให้กับทั้งผู้สร้างสรรค์และผู้เสพงานศิลป์
ทางเราวางแนวคิดแรกเริ่มที่อยู่เบื้องหลัง The Gallery ไว้ใน litepaper ที่เคยเผยแพร่ไปแล้วก่อนหน้านี้ และตั้งชื่อว่า “Unifty Exhibition Program” แม้ “The Gallery” จะมีการออกแบบพื้นฐานที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก Unifty Exhibition Program หากแต่ The Gallery นั้นผ่านการปรับปรุงพัฒนาที่มากขึ้นเป็นเท่าตัวเพื่อให้ตอบสนองทุก ๆ ความต้องการของทั้งผู้สร้างสรรค์งาน ผู้สะสม และแฟน ๆ ที่ชื่นชอบการเสพงานศิลป์
ความต้องการ
The Gallery พลิกโฉมหน้ารูปแบบธุรกิจของแกลเลอรีศิลปะแบบดั้งเดิมเสียใหม่ อย่างข้อเสียประการใหญ่ของปัญหาเรื่องการคุ้มครองหรือการประกันให้ศิลปินเพียงเล็กน้อย ทั้งเรื่องยอดขายและการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับศิลปิน แน่นอนอยู่แล้ว พวกเขาแบ่งส่วนต่างที่ตนและศิลปินจะได้ แต่กลับเก็บเงินในส่วนที่มากกว่าไป: เป็นค่านายหน้าที่อาจสูงถึง 50% เลยทีเดียว
ไม่ต้องพูดให้มากความก็รู้ได้เลยว่ารูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมในวงการงานศิลปะนั้นผูกติดอยู่กับผลประโยชน์ของเจ้าของแกลเลอรี และเราเชื่อว่ารูปแบบธุรกิจแบบใหม่ของพวกเรานี้ จะสร้างความสมดุลทางอำนาจขึ้นมาให้บรรดาศิลปินและแฟน ๆ มากขึ้น
การแก้ไขปัญหา
The Gallery มอบรายได้ที่แน่นอนให้กับศิลปิน โดยศิลปินจะขาย NFT ให้กับเหล่านักสะสมผ่านทาง “Exhibition (นิทรรศการ)” แต่ถึงจะไม่ได้ขาย Exhibitions ก็สร้างโอกาสให้ศิลปินสร้างรายได้ผ่านทางการจัดแสดง NFTs สู่สายตาผู้ชื่นชอบและผู้ซื้อทั่วโลกได้
ประโยชน์ของรูปแบบธุรกิจแบบนี้คือการขจัดความเสี่ยงที่ศิลปินอาจขาดทุนเมื่อต้องจัดแสดงงานในแกลเลอรี เราจะเปลี่ยนความเสี่ยงนั้นให้กลายเป็นรายได้ของศิลปินผ่านการจัดแสดงงานในคอมมิวนิตีแทน
Exhibitions ยังมาพร้อมกับผลกำไรเพิ่มเติมหากศิลปินขาย NFTs ได้ระหว่างจัดแสดง Exhibition สด และศิลปินก็จะยังได้รับผลตอบแทนจากการขาย NFT อยู่เสมอตลอด Exhibition 30 วัน
นอกจากนี้ Exhibitions ยังมอบผลประโยชน์อื่น ๆ อีกให้กับผู้ถือโทเค็น $NIF จากการเปิดตัว Community Governance Program (โปรแกรมการกำกับดูแลคอมมิวนิตี) ของพวกเรา ผู้ถือโทเค็น $NIF มีสิทธิ์ร่วมโหวตเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในอนาคตของ Unifty ทั้งการปล่อยตัวโพรดักใหม่ ไปจนถึงการปรับกลไกการให้รางวัล $UNT หรือแม้แต่การอนุมัติว่า Exhibitions ใดมีสิทธิ์ในการรับรางวัลเป็น $UNT
จากการเปิดตัว The Gallery และ Exhibitions ผู้ถือโทเค็น $NIF จะได้รับ value capture mechanism ในฐานะที่ได้รับผลตอบแทนจากการถือ $NIF โดยการ “backing (สนับสนุน)” ศิลปินหรือนักสะสมคนโปรด และยังได้เปอร์เซนต์ของโทเค็น $UNT ที่ allocate ให้กับ Exhibition เป็นการตอบแทน
สรุปแล้วจะมอบ “รางวัล” เหล่านี้อย่างไร?
Unifty กำลัง leverage โมเดลของโทเค็นทั้งคู่ที่เคยกล่าวถึงไปแล้วใน litepaper เพื่อให้รางวัลแก่ผู้เข้าร่วม และสำหรับเจ้าของ Exhibition ก็จะได้รับผลตอบแทนหรือรายได้ผ่านทาง Unifty Network Token พร้อมกับ ticker ของ $UNT
การออกแบบโทเค็น $UNT นั้นไม่เคยเปิดขายแบบ IDO มาก่อน จากที่ร่างไว้ใน litepaper จะมีโทเค็น $UNT ที่สร้างบนอัลกอริธึมฟาร์มมิ่งของเราสูงสุดอยู่ที่จำนวน 1,000,000,000 โดยจะจัดสรรตามสัดส่วนระหว่างเจ้าของ Exhibition และผู้ถือ $NIF ที่เลือกที่จะ “back” โดยการ stake หรือ allocate $NIF ให้กับทาง Exhibition ไม่มีโทเค็นตัวใดที่ allocate ให้กับทีมหรือ allocate ล่วงหน้าให้กับเหล่านักลงทุน ผู้เข้าร่วมแพลตฟอร์มเท่านั้นถึงจะได้โทเค็น $UNT ทั้งหมด โทเค็น $UNT เดียวที่มีอยู่ในปัจจุบันคือ 10,000,000 โทเค็นที่สมาชิกในคอมมิวนิตีฟาร์มไประหว่าง staking vault ตอนเริ่มแรก
สำหรับ supply ที่เหลืออีก 99% จะแจกจ่ายเท่า ๆ กันผ่าน Exhibitions ในThe Gallery โดยใช้อัลกอริธึมฟาร์มมิ่งของเรา เราจะเจาะลึกถึงวิธีการทำงานของ Exhibitions รวมถึงสิ่งที่ใช้สนับสนุนอัลกอริธึมการให้รางวัล $UNT ของเราได้
กระบวนการ
เราออกแบบกระบวนการพัฒนางานของเราให้มีประสิทธิภาพสำหรับทั้งศิลปิน นักสะสม และองค์กรที่คล้ายคลึงกัน กระบวนการจะเริ่มด้วยการอนุมัติล่วงหน้าจากคณะกรรมการภัณฑารักษ์ของ Unifty ในการคัดเลือกใบสมัคร Exhibition รวมถึงการประเมิน NFT ที่ส่งเข้ามาโดยเจ้าของ Exhibition ในช่วงแรก คณะกรรมการภัณฑารักษ์จะมีเพียงทีม Unifty แต่ท้ายที่สุดจะนำสมาชิกจากคอมมิวนิตีที่ได้รับเลือกตั้งและมีคุณสมบัติตรงกับข้อกำหนดต่าง ๆ ที่จะสรุปอีกทีในอนาคตอันใกล้นี้
กระบวนการพัฒนางานแต่ละประเภทใน Exhibition ในช่วงแรกมีขั้นตอนเหมือนกันหมด ดังนี้
- ผู้สมัครต้องกรอกแบบฟอร์มออนไลน์เกี่ยวกับงานที่เคยทำ โพรไฟล์โซเชียลมีเดีย และคอลเลกชันที่ต้องการจัดแสดง โดยใบสมัครเหล่านี้จะได้รับการประเมินโดยคณะกรรมการภัณฑารักษ์
- เมื่อคณะกรรมการภัณฑารักษ์อนุมัติใบสมัครขั้นต้นแล้ว ผู้สมัครจะได้จัดแสดงใน Exhibition กับทาง The Gallery แต่มีช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากคอมมิวนิตีผ่านการโหวตกับ Community Governance Program
- ผู้สมัครที่ได้รับการอนุมัติเสร็จสิ้นแล้วจะได้รับคำเชิญจำนวนจำกัดเพื่อนำไปแบ่งปันกับเพื่อน ๆ ศิลปิน นักสะสม หรือองค์กรต่าง ๆ
- หลังจากขั้นตอนนี้ เจ้าของงานสามารถตั้งค่าโปรไฟล์ของ Exhibition ภายใน The Gallery และใส่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง โพรไฟล์โซเชียลมีเดีย รวมถึงคอลเลกชัน NFT ไว้ได้
- ถึงจุดนี้ ศิลปินจะต้องใช้การประเมิน 5 ขั้นตอนต่อไปนี้ในการให้คะแนนกับ Exhibition ที่มีจุดประสงค์เพื่อฟาร์ม $UNT:
- คอลเลกชัน NFT จะผ่านขั้นตอนการประเมินระหว่างเจ้าของและคณะกรรมการภัณฑารักษ์เพื่อกำหนด market value ให้เท่ากันสำหรับ NFT แต่ละรายการ รวมถึงการขยายของคอลเลกชันทั้งหมดของพวกเขา
- เจ้าของ Exhibition จะต้องทำภารกิจของ Unifty ให้เสร็จสิ้นเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อคอมมิวนิตี ภารกิจเหล่านี้จะรวมถึงการโพรโมตโปรไฟล์โซเชียลมีเดียและโพรดักของเรา รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจเหล่านี้จะประกาศในบทความถัดไป
- ณ จุดนี้ จะมีการโหวต Exhibition จากเหล่าผู้ถือโทเค็น $NIF เพื่อขออนุมัติขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับสิทธิ์ในการให้รางวัลเป็น $UNT ด้วยข้อเสนอผ่าน Community Governance Program
- หากข้อเสนอผ่านแล้ว ระยะเวลา “pre-staking” อย่างเป็นทางการจะเปิดเป็นเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งผู้ถือ $NIF จะ stake ใน Exhibition ได้ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลา pre-staking จะไม่มีการ allocate โทเค็น $NIF ให้กับ Exhibition นั้นอีกต่อไป และจำนวนโทเค็น $NIF ที่ stake ไปแล้วจะถูกนำมาพิจารณาในคะแนนของ Exhibition ด้วย
- สุดท้าย อัลกอริธึมจะนำมาใช้พิจารณา $NIF ที่ stake ไปใน Exhibition ด้วย หากมี staker รายบุคคลมากเท่าใด ก็จะยิ่งดีต่อผู้จัดแสดงงานใน Exhibition เท่านั้น
- เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ผู้สร้างสรรค์งาน นักสะสม หรือองค์กรต่าง ๆ นั้นมีสิทธิ์ stake NFTs ให้เป็น Exhibition smart contract และเตรียมรับรางวัลเป็น $UNT ได้
กระบวนการประเมิน 5 ขั้นตอนที่กล่าวมานี้จะเป็นตัวกำหนดคะแนนสุดท้าย โดยอิงตามอัลกอริธึมรางวัล $UNT ในการกำหนดผลตอบแทนให้แต่ละ Exhibition โดยคะแนนนี้จะกำหนดจำนวนเงิน $UNT ที่จะ allocate ให้กับนิทรรศการเพื่อตอบแทนเจ้าของและผู้ถือ $NIF ที่ stake ไว้ โดยจะมี spreadsheet แสดงคะแนนของแต่ละ Exhibition รวมถึงน้ำหนักของผลงานรายบุคคลให้ทุกคนเข้าไปดูกันได้
ระยะเวลา pre-staking
จะมี pre-staking window ให้สมาชิกในคอมมิวนิตีได้ตัดสินใจว่าจะ allocate $NIF ให้กับ Exhibition ใด โดย window ที่ว่าจะเปิดให้ใช้งาน 72 ชั่วโมงก่อนเผยแพร่ Exhibition หลังจากที่เผยแพร่แล้วจะ allocate โทเค็นใด ๆ ให้ Exhibition ไม่ได้อีกเป็นเวลา 30 วัน
ฟาร์ม $UNT ได้มากแค่ไหนต่อเดือน?
จะสร้างโทเค็น $UNT จำนวน 1,000,000,000 เท่านั้นต่อเดือน โดยมีตารางการ mint ตามด้านล่าง:
เดือนที่ 1: สร้างโทเค็น UNT 50,000,000 UNT
เดือนที่ 2: สร้างโทเค็น UNT 47,500,000 UNT
เดือนที่ 3: สร้างโทเค็น UNT 45,125,000 UNT
เดือนที่ 4: สร้างโทเค็น UNT 42,868,750 UNT
เป็นต้น
ในการเปิดตัวจะมี Exhibition 9 รายการที่แข่งขันกันเพื่อชิงรางวัลเป็น $UNT และยิ่งมีการสร้าง $UNT มากขึ้นเท่าไร การแข่งขันก็จะสูงขึ้นตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จัดนิทรรศการได้นานแค่ไหน?
ในเบื้องต้น The Gallery จะเปิดตัว Exhibition 9 รายการ และหลังจากนั้นเป็นต้นไปจะอยู่ที่ประมาณ 6 ถึง 10 งานทุกเดือน
แต่ละ Exhibition จัดได้สูงสุด 30 วัน
หากผู้จัดแสดงต้องการจะจัดแสดงกับ The Gallery ต่อ ต้องมีคอลเลกชันใหม่ที่ผ่านการโหวตจากสมาชิกในคอมมิวนิตีที่เป็นผู้ถือ $NIF ด้วย
แล้วจะได้เงินเท่าไหร่?
1. ผู้สร้างสรรค์งานจะได้รับ 15% ของโทเค็น $UNT ที่ฟาร์มได้ โดยจะได้รับสิทธิ์ทุกวันเป็นระยะเวลา 6 เดือนหลังจากนิทรรศการเสร็จสิ้น เช่น ศิลปิน A มี Exhibition ที่จัดเป็นเวลา 30 วัน ในช่วงเวลานี้ A จะได้รับ 1,000,000 UNT ซึ่งจะได้รับสิทธิ์นี้ทุกวันภายใน 6 เดือนหลังจาก Exhibition จบลง
2. นักสะสมและองค์กรจะได้รับสิทธิ์ในการซื้อโทเค็น $UNT 15% ที่ฟาร์มได้ในราคาส่วนลดจากราคาเฉลี่ยของตลาดในช่วง 7 วันที่ผ่านมานับจากช่วงเวลาที่ได้รับ $UNT
3. ผู้ stake $NIF จะได้รับสิทธิ์ในการซื้อโทเค็น $UNT ที่ฟาร์มได้ 85% ในราคาส่วนลดจากราคาเฉลี่ยของตลาดในช่วง 7 วันที่ผ่านมานับจากช่วงเวลาที่ได้รับ $UNT
ทางเราจะเผยแพร่เอกสารฉบับสมบูรณ์ในภายหลัง
ท้ายที่สุด ในส่วนของรายได้ เจ้าของ Exhibition ทุกรายจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 15% จากยอดขายทั้งหมดใน Exhibition โดยเงินเหล่านี้จะส่งไปยังกระเป๋าเงิน multi-signature ที่ควบคุมดูแลโดยสมาชิกคอมมิวนิตีของ Community Governance Program
สุดท้ายแล้ว…
จากในบทสรุปที่กล่าวถึงไปแล้วในเอกสาร “The Only Constant is Change” เรานำแนวคิดแบบดั้งเดิมจากทั้งอุตสาหกรรม NFT และ DeFi มาปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจของบรรดาผู้สร้างสรรค์ผลงานเสียใหม่ เรามุ่งเน้นไปที่ภารกิจของพวกเราและรวบรวมทีมที่ยิ่งใหญ่ในการร่วมกันสร้างโพรดักเจเนอเรชันใหม่ที่จะมอบพลังให้กับผู้สรรค์สร้างงานและสมาชิกในคอมมิวนิตีทุกรายให้สร้างรายได้ที่เป็นธรรมจากงานและความสนใจของพวกเขา The Gallery เป็นความพยายามครั้งแรกพวกเรา และจะกลายเป็นโพรดักชิ้นหลัก แต่มันจะไม่ใช่ชิ้นสุดท้ายอย่างแน่นอน พวกเราทราบดีว่าคุณคงจะอ่านบทความนี้มายาวมากแล้ว แต่ในฐานะผู้เขียน เราก็ยังหวังว่าคุณจะสนุกไปกับมัน ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ พวกเราตั้งตารอคอยให้คุณมาร่วมการเดินทางนี้ไปกับเรา!
อ้างอิง : LINK