Citadel Kenneth Griffin ซีอีโอมหาเศรษฐีของกองทุนป้องกันความเสี่ยงแห่งอเมริกา คิดว่าสกุลเงินบนเครือข่าย Ethereum ( ETH ) จะเข้ามาแทนที่ Bitcoin ( BTC )
ในวันพุธที่ 10 พฤศจิกายน ที่การประชุมสุดยอด DealBook ซึ่งจัดโดย The New York Times ทางด้าน Griffith กล่าวว่าเขาคาดหวังว่า “แนวคิดที่ใช้ Bitcoin [จะถูก] แทนที่ด้วยแนวคิดที่อิงกับ Ethereum ในสกุลเงินดิจิทัลรุ่นต่อไป”
เขายังเสริมว่า cryptocurrencies ที่ใช้ Ethereum มี “ประโยชน์ของความเร็วการทำธุรกรรมที่สูงกว่า [และ] ต้นทุนต่อธุรกรรมที่ต่ำกว่า”
Ethereum นั้นเร็วกว่า Bitcoin เพียงเล็กน้อยในปัจจุบัน แต่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมและลดต้นทุนได้อย่างมากเมื่อมีการใช้งาน Eth 2.0 อย่างเต็มรูปแบบ
Griffin เป็นคนขี้ระแวงใน crypto มาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Bitcoin ซึ่งเขาอ้างว่า “มันไม่มีกรณีการใช้งานเชิงพาณิชย์”
แม้ว่าเขาจะตั้งข้อสังเกตว่า คริปโตและเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นพื้นฐานของมันคือ “เทคโนโลยีที่น่าสนใจจริงๆ” และ “เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษา decentralized ledger ทั่วโลก” โดยเขากล่าวในท้ายที่สุดว่า “สำหรับปัญหาส่วนใหญ่ มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เราต้องการจริงๆ ”
“ผู้คนต่างให้ความสนใจกับโลกแห่งความคิดใหม่ๆ และการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ อย่างมาก” เขากล่าว “ผมกังวลว่าความหลงใหลบางอย่างจะหายไปเมื่อพูดถึง crypto”
ในระหว่างการประชุม เขาอ้างว่า “มีหลายประเด็นที่ crypto ยังไม่ได้รับการแก้ไข” รวมถึงความเสี่ยงของการฉ้อโกง ค่าใช้จ่ายที่สูง และการใช้พลังงาน
“Bitcoin มีราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อในการจัดการด้านการชำระเงิน” เขากล่าว โดยขณะนี้มีค่าใช้จ่ายประมาณ $4.1 ต่อการทำธุรกรรม ซึ่งค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบัตรเครดิตทั่วไปมีตั้งแต่ 1.4% และ 3.5% ในเครือข่ายยอดนิยม เช่น Mastercard, Visa และ American Express ที่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับบัตรเดบิตอยู่ที่ประมาณ 0.5%
ในแง่ของความยั่งยืน Griffith อ้างว่า Bitcoin เป็น “ผู้มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่ารูปแบบการชำระเงินใด ๆ ที่เราใช้ทั่วโลกในทุกวันนี้”
เมื่อถูกถามว่าเขากังวลหรือไม่ว่าเขาอาจพลากตกรถไฟขบวน crypto ไปแล้ว เขากล่าวว่า “ผมคิดว่ารถไฟยังอยู่ในสถานีในบางแง่… และผมคิดว่ามันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นอย่างมาก”