ท่ามกลางความกลัวด้านกฎระเบียบ เว็บเทรด FTX US ประกาศจะไม่ให้ List NFT ที่ทำหน้าที่เหมือนหลักทรัพย์ และ Solana NFT กำลังรีบเร่งที่จะปฏิบัติตาม
Ecosytem NFT ของ Solana ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา โดยสร้างมูลค่าการซื้อขายหลายร้อยล้านดอลลาร์เนื่องจากมีโครงการหลายสิบโครงการเปิดตัวขึ้น เมื่อต้นสัปดาห์นี้ FTX US exchange สร้างความตื่นเต้นด้วยการเปิดตัวตลาด FTX NFTs ซึ่งแตกต่างจากแพลตฟอร์ม Solana NFT อื่นๆ
FTX NFT เป็นแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ภายใต้เขตอำนาจของหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบข้อมูลประจำตัวลูกค้าของคุณ และแตกต่างจากตลาด Solana ที่มีขนาดเล็กกว่าที่มีอยู่อย่างทาง Solanart – NFT Marketplace และ DigitalEyes โดยทาง FTX NFT จะไม่ List โปรเจคที่ให้รางวัลแก่ผู้ถือครองด้วยส่วนแบ่งการขายในตลาดในรูปสกุลเงินดิจิทัล
ตามที่ประธาน FTX Brett Harrison บอกก่อนการเปิดตัวโปรเจคว่า การที่ NFT ให้เงินจากส่วนแบ่งการขายซึ่งทำให้ผู้ที่ถือครองมีรายได้นั้นทำให้ NFT เหล่านั้นทำตัวเหมือนหลักทรัพย์ที่มีการปันผล นั่นทำให้พวกโปรเจคเหล่านั้นอยู่ภายใต้ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (SEC)
บางโปรเจคและนักสะสม NFT ได้ผลักดันแนวคิดของ FTX US เข้าสู่ตลาดและเป็นข้อกำหนดหรือมาตรฐานใหม่ ส่วนทาง Meerkat Millionaires Country Club ซึ่งเป็นโครงการ NFT ยอดนิยมที่มีรายงานว่าจะมีการแจกจ่าย SOL มูลค่า $260,000 ให้กับผู้ถือ NFTs ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงการแจกจ่ายนี้
อย่างไรก็ตามดูเหมือนโปรเจค NFT ที่ใช้งานบน Solana หลายโปรเจคที่แบ่งส่วนแบ่งการขายให้ผู้ที่ถือครอง NFT นั้น ได้ประกาศว่าพวกเขากำลังจะยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงแผนการเหล่านี้เหมือนกัน เช่น Turtles, Solarians และ Toasty Turts ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันในสัปดาห์นี้
Turtles on Solana ซึ่งเป็นคอลเล็กชันของอวตาร NFT ที่สร้างโดยอัลกอริทึม 3,333 ตัว เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่เปลี่ยนแผนในสัปดาห์นี้ แทนที่จะให้ส่วนแบ่งการขายแก่ผู้ถือ NFT ผู้สร้างวางแผนที่จะพัฒนาด้วยเงินทุนที่สร้างขึ้น เพื่อซื้อ NFT ที่มีราคาต่ำที่สุดและพยายามเพิ่มมูลค่าให้กับเจ้าของที่เหลืออยู่
Harrison กล่าวว่าเขาได้ติดต่อกับผู้สร้างประมาณ 10 โปรเจคที่กำลังเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ FTX US “ในเกือบทุกกรณี ทางทีมงานผู้สร้างไม่ทราบถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้น และการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลหลักในการตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้รูปแบบอื่น”