ในจดหมายสองฉบับที่ยื่นต่อศาลของรัฐบาลกลางระบุว่า Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple และ Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้ง ขอให้มีการยกฟ้องคดีที่กำลังดำเนินอยู่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ หรือ SEC
หลังจากเกิดการร้องเรียนของ SEC ต่อ Ripple ด้านผู้บริหารระดับสูงทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์ต่อผู้พิพากษาของศาล เพื่อยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการฟ้องร้องคดีที่ทั้งสองได้รับจากหน่วยงาน โดยทนายความที่เป็นตัวแทนของ Garlinghouse ระบุในการยื่นว่ากรณีที่ SEC ได้สร้างขึ้นเพื่อต่อต้าน XRP เนื่องจากเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนนั้นบ่งบอกถึง “การปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มากเกินไป” ตามเอกสารของศาลอย่างเป็นทางการ
“SEC ไม่ได้รับรู้ถึงความเป็นจริงทางเศรษฐกิจของธุรกรรมของจำเลย โดยธุรกรรมใน XRP, ตลาด XRP และธุรกิจของ Ripple ซึ่งแต่ละรายการไม่ได้แสดงลักษณะดั้งเดิมของสัญญาการลงทุนภายใต้ SEC v. WJ Howey Co. (the Howey Test)”
SEC ใช้ Howey Test เพื่อตรวจสอบว่าสินทรัพย์ที่ระบุมีลักษณะของหลักทรัพย์หรือไม่ ในขณะที่ SEC ได้โต้แย้งว่า XRP เป็นไปตาม Howey Test ดังนั้นการขายในสหรัฐอเมริกาจึงผิดกฎหมาย เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลไม่ได้ลงทะเบียนเป็น หลักทรัพย์ ซึ่ง Ripple Labs ได้ยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าโทเค็น XRP ไม่สามารถจัดประเภทเป็นสัญญาการลงทุนได้
โดยทนายความแย้งว่ามูลค่าของ XRP ไม่มีความสัมพันธ์กับการกระทำของ Ripple แต่พฤติกรรมของสกุลเงินดิจิทัลในตลาด สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ เช่น Bitcoin (BTC) และ Ether (ETH)
SEC นั้นกล่าวหาว่า Garlinghouse และ Larsen มีเจตนาให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน บริษัทด้วยการขาย XRP ที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ด้วยการยื่นเรื่องร้องเรียนที่ได้รับการแก้ไขก่อนการพิจารณาคดีในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ SEC ยังกล่าวหาว่า Garlinghouse และ Larsen ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์เป็นการส่วนตัว โดยการขายการถือครอง XRP ของตนเองโดยผ่านทางบริษัท Ripple
SEC. อ้างว่า Garlinghouse และ Larsen จงใจควบคุมราคาของ XRP โดยการเพิ่มและลดยอดขาย XRP ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด นอกเหนือจากการสร้างผลกำไร 1.3 พันล้านดอลลาร์ให้กับ Ripple แล้ว ทั้ง Garlinghouse และ Larsen ต่างก็ทำกำไรได้ถึง 600 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
อ้างอิง : LINK