เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 นักลงทุนจำนวนมากจึงหนีไปยังสินทรัพย์ทางเลือกเนื่องจากความไม่แน่นอนของอัตราเงินเฟ้อของเงินดอลลาร์สหรัฐ ทางด้าน Michael J.Saylor ซีอีโอของ MicroStrategy เป็นหนึ่งในนักลงทุนจำนวนมากที่ลงทุนใน Bitcoin ในปีนี้โดยอ้างว่า สกุลเงินดิจิทัล เป็น “ความปลอดภัยที่ดีที่สุดและมีสภาพคล่องที่ดีที่สุด”
การลงทุนของ MicroStrategy ใน Bitcoin ถูกมองว่าเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของยอดภูเขาน้ำแข็ง เนื่องจากนักลงทุนหลายคนเชื่อว่าสถาบันอื่น ๆ และองค์กรขนาดใหญ่จะทำตาม
Saylor ยังเชื่ออีกว่า Bitcoin เป็น store of value ที่เชื่อถือได้และเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่น่าสนใจโดยมี “ศักยภาพในการแข็งค่าในระยะยาวมากกว่าการถือเงินสด” และเมื่อเร็ว ๆ นี้มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกันยังสะท้อนความเชื่อเดียวกันนี้โดยกล่าวว่าเงินสดนั้น “ไม่มีค่า” ในขณะที่โยนเงินกระดาษทิ้งไป
เช่นเดียวกับ Ricardo Salinas Pliego หนึ่งในชายที่ร่ำรวยที่สุดในเม็กซิโก ที่เพิ่งประกาศว่าเขาได้ลงทุน 10 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตการลงทุนใน Bitcoin (BTC) โดยเขาอธิบายการลงทุนของเขาเพิ่มเติมว่า “การกระจายพอร์ตการลงทุนของเราเป็นเรื่องดีเสมอ”
มหาเศรษฐี Stanley Druckenmiller ก็เข้าร่วมขบวน Bitcoin ด้วยเช่นกันโดยเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาเปิดเผยว่าเขาได้ลงทุนส่วนหนึ่งของมูลค่าสุทธิของเขาใน Bitcoin อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เปิดเผยจำนวนที่แน่นอนของ Bitcoin ที่เขาเป็นเจ้าของโดยอ้างว่าเขาลงทุนในทองคำมากกว่า Bitcoin หลายเท่า
ในขณะที่ Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เงินดอลลาร์สหรัฐกลับมีแนวโน้มที่จะลดลงมากขึ้น ซึ่งจะเป็นกรณีที่ดีของ Bitcoin โดยนักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีทเชื่อว่า แม้จะมีวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ที่ใช้งานได้ แต่เงินดอลลาร์สหรัฐก็จะลดลงในปีหน้าเนื่องจาก “ความเชื่อมั่นกลับคืนสู่เศรษฐกิจโลก”
ตามรายงานของ Financial Times เงินดอลลาร์สหรัฐทำหน้าที่เป็น safe haven ของนักลงทุนในช่วงที่ไวรัสระบาดสูงสุดในเดือนมีนาคม นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเปิดตัววัคซีนสามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้โดย Calvin Tse นักยุทธศาสตร์ของธนาคาร Citi bank อธิบายว่า :
“ราเชื่อว่าการกระจายวัคซีนจะทำให้เงินดอลลาร์เป็นไปตามเส้นทางที่คล้ายคลึงกับที่เคยมีมาตั้งแต่ต้นปีถึงกลางปี 2000 ซึ่งมันสามารถลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้าได้หรือไม่? เราคิดว่าคำตอบคือ ใช่”
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างรวดเร็วในปีนี้ และด้วยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะดำเนินการตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ทำให้นักลงทุนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปในสหรัฐ
อ้างอิง : LINK