ในขณะที่โลกกำลังเฝ้ารอ halving ย้อนไปไม่กี่วันที่ผ่านมา จีนปล่อยข้อมูลออกมาอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับ “หยวนดิจิตอล” (digital yuan) ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้น Libra ก็ได้เปิดเผยสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน
Li Lihui อดีตประธานธนาคารแห่งประเทศจีนซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้ากลุ่มวิจัย blockchain ที่ National Internet Finance Association of China ในพูดถึงหัวข้อ “สกุลเงินดิจิตอล: กับความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างระบบการเงินโลก” (数字货币: 可能重构全球货币体系)
ในการพูดคุย Li ได้พูดถึง Libra ว่าเหตุใดประเทศจีนให้ความสนใจกับ Libra มาก
แฟนบอยของ Libra
Li เริ่มพูดถึง Libra ว่ามันเป็น “สกุลเงินดิจิตอลที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐ” เนื่องจากมันไม่ได้สร้างขึ้นจากประเทศใด แต่มาจากองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ โดยออกแบบมาเพื่อแทนที่ตัวกลางทางการเงินที่มีอยู่เดิม เช่น ธนาคารพาณิชย์และแม้แต่ธนาคารกลาง
Li พูดอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับ white paper ตัวล่าสุดของ Libra โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเห็นพ้องว่า Libra สร้างมาเพื่อลดการครอบงำของสกุลเงินดอลลาร์ และ “มาตรฐานทางการเงิน”
“2019 Libra นั้นยังใหม่เกินไป แต่ตอนนี้มันดูเหมือนพิมพ์เขียวที่พร้อมใช้งานแล้ว”
เป็นเรื่องน่าขันที่ Libra ต้องดิ้นรนเพื่อขออนุมัติในสหรัฐอเมริกา ทั้ง ๆ ที่มันดูเหมือนเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของอเมริกาในการควบคุมการเงินทั่วโลก แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เบื้องหลังการกล่าวชมของ Li คือความกลัวที่เพิ่มขึ้นของจีนที่ว่ Libra จะกลายเป็นคู่แข่งหลักในด้านเงินดิจิทัล แม้ทั้งสองจะมีความแตกต่างด้านการออกแบบก็ตาม
ประเทศจีนต้องการให้ DCEP ถูกใช้ในระดับสากลสำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดน รวมทั้งลดการใช้เงินกระดาษภายในประเทศ ลดการฉ้อโกงและสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สิ่งที่แท้จริงในการสร้างนั้นก็คือการแทนที่เงินดอลลาร์
Libra VS หยวนดิจิตอล
เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินของ Libra ที่มีการออกแบบให้รองรับ Stablecoin ที่หลากหลาย ส่วน หยวนดิจิตอล หรือ DCEP คือ digital cash ที่มีจุดมุ่งหมายที่จะกำจัดเงินกระดาษ ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและการใช้งานที่ง่าย และทำทุกอย่างโดยไม่ส่งผลเสียต่อระบบการเงินของจีน
เป้าหมายของ DCEP ที่สำคัญที่สุดคือกำจัดเงินกระดาษ ในขณะที่ Libra ปรารถนาที่จะเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่เรียกว่า “Digital Programmable Currencies”
แม้จะมีความแตกต่างในการออกแบบ แต่ทั้งสองก็ออกมาประณามกันและกันในฐานะที่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศของพวกเขา ซึ่ง Mark Zuckerberg เคยกล่าวว่า หากสหรัฐฯไม่สามารถสร้างสกุลเงินดิจิทัลได้ หยวนดิจิทัลของจีนจะเข้ามาแทนเงินดอลลาร์และสกุลเงินของโลก
ซึ่งปัจจุบัน เงินหยวนของจีนคิดเป็นเพียง 2% ของการชำระเงินระหว่างประเทศ ในขณะที่ธุรกรรมเกือบ 90% ของธุรกรรมระหว่างประเทศอยู่ในรูปของดอลลาร์สหรัฐ
ใครจะชนะ
เงินดอลล่าร์ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Libra ซึ่งหากมันประสบความสำเร็จ และสามารถเชื่อมต่อกับธนาคารพาณิชย์ได้สำเร็จ จะเป็นการยับยั้งการใช้เงินหยวนของจีนนอกประเทศจีนอย่างมีนัยสำคัญ และสิ่งที่เป็นฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดสำหรับจีนคือหาก Libra ประสบความสำเร็จโดยไม่ได้มีการรวมเงินหยวนอยู่ในตะกร้าสกุลเงิน มันจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำให้เงินหยวนเป็นสากลอย่างมาก
อันที่จริงความเป็นสากลของเงินหยวนนั้นก็อยู่ใน DCEP ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นในระหว่างการพูดคุยของ Li เขาเน้นว่า “จีนควรศึกษาแผนการดำเนินงานสกุลเงินดิจิทัลทั้งที่นำโดยจีนและต่างประเทศ , แผนการใช้สกุลเงินดิจิทัล เพื่อการผลักดันให้มันกลายเป็นระดับสากล
คำว่า “นำโดยจีน” เป็นกุญแจสำคัญ ประเทศจีนต้องการเป็นผู้นำของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่ง DCEP สามารถนำไปใช้ในโครงการ “เส้นทางสายไหม” ของจีน การโครงสร้างพื้นฐานในแอฟริกาและการช่วยเหลือจากต่างประเทศแก่ประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้นจีนกำลังพยายามใช้หยวนดิจิทัลเพื่อสร้างบรรทัดฐานสากลใหม่ที่เขียนโดยจีน
อย่างไรก็ตาม การสร้างบรรทัดฐานระดับโลกใหม่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในข้ามคืน ในช่วงของ Q&A Li ถูกถามว่า DCEP จะทำงานในลักษณะข้ามพรมแดนได้อย่างไร เขากล่าวว่าจีนยังไม่มีการเผยรายละเอียดในส่วนนี้ แต่ถ้ามันเป็นสกุลเงิน “มันก็ต้องใช้ทำธุรกรรมข้ามพรมแดนได้”
ข้อมูลเล็กน้อยที่เปิดเผยออกมา เป็นสัญญาณว่าการแข่งขันสกุลเงินดิจิทัลยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มีฝ่ายใดรู้วิธีที่การเอาชนะการแข่งขันนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะก้าวนำไปข้างหน้าและยึดส่วนแบ่งการตลาดไปทั้งหมด
แต่จะมีผู้ชนะเพียงคนเดียวหรือไม่ ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ประการหนึ่งก็คือ DCEP ของจีนเป็นผู้ครอบครองธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับจีน ในขณะที่ Libra ก็เจาะตลาดอื่นไป
สรุป
จนถึงตอนนี้ ด้วยอำนาจการปกครองของจีน ทำให้ DCEP เริ่มต้นได้ไม่ยากหรือการประชาสัมพันธ์ เนื่องจาก blockchain ก็ได้รับการประกาศให้เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีแห่งชาติ (และประชาชนในประเทศจีนก็ให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง)
ในทางกลับกัน Libra ยังต้องอัปเกรด white paper และปรับเปลี่ยนการออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐานต่อไป แม้ว่าผลิตภัณฑ์ทั้งสองจะมีความแตกต่างมากกว่าคล้ายกัน แต่ผลิตภัณฑ์ทั้งสองก็ยังต้องระวังซึ่งกันและกัน และยังต้องสร้างเรื่องราวใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของตนเองต่อไป
อ้างอิง : LINK