ข่าวการเปิดตัว “เครือข่าย Blockchain แห่งชาติของจีน” (blockchain service network หรือ BSN) นั้นถูกกลบซะมิดด้วยกระแสที่มาแรงมาก ๆ ของ “หยวนดิจิตอล” หรือ DCEP แต่ยังไงก็แล้วแต่ สิ่งนี้จะกลายเป็นเครื่องมือที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของประเทศจีน
BSN คืออะไร
Blockchain service network (BSN) เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 เมษายน เป็นแพลตฟอร์ม centralized ที่มีไว้สำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ ในลักษณะของ “one-stop-shop” สำหรับบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ และบุคคลทั่วไป ที่ต้องการจะสร้าง blockchain application นอกจากนี้ยังจะถูกนำไปใช้กับแผนการสร้าง เมืองอัจฉริยะ (smart cities) ในการจัดเก็บฐานข้อมูลดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล
นอกจากนี้ BSN ยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับการพัฒนา blockchain , การดำเนินงาน และการบำรุงรักษา
เครือข่ายดังกล่าวจะอิงกับ FISCO BCOS ซึ่งเป็นโปรโตคอลโอเพ่นซอร์สที่ใช้งานอยู่ใน Webank กระเป๋าสกุลเงินดิจิทัลของ Tencent , Huawei , ZTE และ Shenzhen Securities Communication
โดยในช่วงเบต้านั้นมีนักพัฒนากว่า 2,000 คนได้ลงทะเบียนเพื่อทดสอบการสร้างแอพพลิเคชั่น blockchain เพื่อการกุศล และใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์
“การปรับใช้ BSN ในบริการคลาวด์ที่สำคัญเช่น Ali Cloud และ Huawei Cloud สามารถทำให้นักพัฒนาลดต้นทุนได้หลายหมื่นดอลลาร์ต่อปี” Leon Li ซีอีโอจาก Huobiกล่าว “เพื่อลดต้นทุนให้น้อยลงสำหรับนักพัฒนาในการปรับใช้แอปพลิเคชัน DLT ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำของ BSN จึงมีเพียง $300 ต่อปี
และด้วยต้นทุนที่ถูก จะทำให้ประเทศอื่น ๆ มีแรงจูงใจที่จะเข้าร่วมเครือข่าย ด้วยต้นทุนที่ต่ำ , ติดตั้งได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการจัดการ
บทบาทของ BSN
ประเทศจีน กำลังผลักดัน blockchain ไปทั่วประเทศอย่างช้า ๆ โดยมีโครงการนำร่องเทคโนโลยีครั้งแรกในเกาะไหหลำ หลังจากนั้นก็มีการเปิดทดสอบที่เมืองอื่น ๆ ตามมา
ในกลางปี 2018 หนานจิงซึ่งเป็นเมืองหลวงเดิม ได้จัดสรรงบประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการบล็อคเชน โดย 30% ของเงินกองทุนจะใช้สำหรับลงทุนในบริษัท Startups ด้าน Blockchain และ 40 เปอร์เซ็นต์จะถูกนำไปใช้เพื่อลงทุนในบริษัทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ที่เมืองหางโจวยังมีกองทุนบล็อกเชนที่นำโดย Wanxiang ซึ่งทำงานกับ Ethereum อีกด้วย
“BSN จะกลายเป็นเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกเพียงแห่งเดียวที่คิดค้นโดยประเทศจีน” ข้อความจาก white paper ที่ระบุโดย BSN Alliance ซึ่งนำโดยหน่วยงานรัฐบาล , หน่วยงานของรัฐ และบริษัทบล็อคเชนหลายแห่ง
จากข้อความที่ระบุไว้บน white paper มีการวางรากฐานของโครงการ BSN ไว้ 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ การปรับใช้ใน public city nodes คือการเป็นศูนย์ข้อมูลหรือคลาวด์คอมพิวติ้งของเมืองเพื่อประมวลผลธุรกรรม โดย BSN ตั้งความหวังไว้ว่าจะสามารถใช้งานได้มากขึ้นอีกในอีก 200 เมืองภายในสิ้นปีนี้
และส่วนที่สอง คือการกำหนดค่าและการแก้ไขโปรโตคอลขององค์กร blockchain ในหลาย ๆ แห่งให้เหมาะสมกับมาตรฐาน และเป็นรูปแบบเดียวกันในด้านต่าง ๆ เช่น cryptography และ software development kits (SDK) เพื่อให้ระบบเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้
นอกจากนี้ใน white paper เวอร์ชั่นที่ได้รับการปรับปรุงล่าสุด มีการระบุถึงการทำงานร่วมกับ permissioned blockchain อื่น ๆ และยิ่งไปกว่านั้นมันยังระบุว่า BSN จะมีการรวมเอา 2 public protocols เข้ามาได้แก่ : Ethereum และ EOS nodes นอกประเทศจีน หลังจากเสร็จสิ้นช่วงทดสอบเบต้าระหว่างประเทศในเดือนกรกฎาคม
แต่ถึงกระนั้น แม้ว่า BSN จะสนับสนุน Ethereum และ EOS แต่ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีการใช้งาน public blockchain โหนดบน BSN portals และ city nodes ที่อยู่ภายในประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม ยังมีสาเหตุบางประการที่ทำให้รัฐบาลจีนยังคงต้องระวังเครือข่ายแบบเปิด นั่นคือนักต้มตุ๋นหลายคนในประเทศที่จะใช้ประโยชน์จากการที่ผู้คนยังขาดความรู้ความเข้าใจเพื่อหาผลประโยชน์จากนักลงทุนผ่านการทำ ICO
สรุป
การเปิดตัว “หยวนดิจิตอล” และ “BSN” อาจเป็นไปได้ว่า จีนจำเป็นต้องศึกษาเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเช่น Facebook หรือประเทศอื่น ๆ เข้ามาผูกขาดไปเสียก่อน
และท้ายที่สุดแล้ว BSN ก็ไม่ใช่เครือข่าย decentralized เนื่องจากรัฐบาลจีนสามารถเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านทางโหนดที่ได้รับการพัฒนาและดูแลโดยรัฐบาล แต่อย่างไรก็แล้วแต่ โครงการนี้ก็อาจทำให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศอันดับหนึ่งของโลกในด้านเทคโนโลยี blockchain ตามที่ สี จิ้นผิง ต้องการ