นิตยสาร Fortune รายงานเมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยชี้ให้เห็นว่า สกุลเงินดิจิทัลมีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจอย่างจีนกับสหรัฐฯ
Mike Wasyl – ผู้จัดการของ DeerCreek บริษัทด้านของ fintech ที่ทำงานทั่วเอเชียแปซิฟิกและสหรัฐอเมริกาบอกกับ Fortune ว่า : “จีนกำลังสร้างสิ่งที่ยื่งใหญ่มาก พวกเขาต้องการรักษาการควบคุมและการเป็นผู้นำเอาไว้ ดังนั้นการใช้บล็อคเชนและการออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างที่เราเห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้จะกระตุ้นให้เกิดความสนใจเป็นอย่างมาก”
ทางด้าน Duncan Wong หัวหน้าของ CryptoBLK จากฮ่องกง ยืนยันว่าการอนุมัติการพัฒนานวัตกรรมด้านบล็อกเชนของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง นั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นตัวเร่งให้ธนาคารประชาชนจีน (PBoC) เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC)
“ด้วยการประกาศล่าสุดโดยประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ผมเชื่อว่าต่อไปประเทศจีนจะเร่งสร้างนวัตกรรมของการใช้งาน blockchain รวมทั้งโครงการของรัฐ เช่น สกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลาง” Duncan Wong กล่าว
ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBOC) ได้ทำการวิจัยสกุลเงินดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2014 แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เร่งความพยายามมากขึ้น หลังจากการเปิดตัวของ Libra สกุลเงินดิจิตอลที่สร้างโดย Facebook ซึ่งถือเป็นบริการชำระเงินที่สนับสนุนโดยหลากหลายสกุลเงินรวมถึงดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศจีนมีข้อได้เปรียบจากการที่มีระบบชำระเงินแบบดิจิทัลขนาดใหญ่อยู่แล้ว -เช่น WeChat Pay ของ Tencent ที่มีผู้ใช้มากกว่าพันล้านคนและ Alipay ของอาลีบาบาที่มีผู้ใช้สูงถึง 1.2 พันล้านคน – ซึ่งจะทำให้ปรับตัวเข้ากับ DCEP (ชื่อสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลาง) ได้ง่ายขึ้น
แต่ในทางตรงกันข้าม Wasyl กล่าวว่า สหรัฐฯกลับพยายามที่จะเข้ามา “ควบคุมหนทางสู่นวัตกรรม” CBDC ของสหรัฐเป็น “สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” เขากล่าว และรัฐบาลควรใช้ประโยชน์จากความสนใจของประชาชนที่เพิ่มขึ้นจากการปรากฎตัวของ Libra เพื่อสนทนาเกี่ยวกับอนาคตของสกุลเงินของประเทศ
“CBDC ของจีนอาจยังไม่เป็นภัยคุกคามต่อความเป็นเจ้าโลกของเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็เป็นการปลุกให้รัฐบาลต่างๆรวมทั้งสหรัฐฯตื่นขึ้นมาเพื่อจับตาการเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินดิจิตอล” Wasyl กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : LINK