Starknet เครือข่าย Ethereum L2 ได้สรุปแผนการปรับปรุงการกระจายอำนาจขององค์ประกอบหลักสามประการของโซลูชัน zero-knowledge (ZK) proof rollup
Ilia Volokh ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Starknet และนักวิจัยบล็อคเชน ให้สัมภาษณ์โดยเน้นย้ำถึงความตั้งใจของบริษัทที่จะจัดการกับองค์ประกอบแบบรวมศูนย์บางอย่างของโปรโตคอล โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการเซ็นเซอร์ และทำให้ระบบแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
Starknet ดำเนินการเป็น validity rollup โดยใช้เทคโนโลยี ZK-proof เพื่อรวมธุรกรรม โดยมี cryptographic proofs ที่ส่งไปยัง Ethereum เพื่อให้บรรลุความปลอดภัยและเป็นขั้นสุดท้ายสำหรับธุรกรรมเลเยอร์ 2
จากข้อมูลของ Volokh โปรโตคอลของ Starknet ยังคงขึ้นอยู่กับ StarkWare ในการสร้างบล็อก L2 , computing proofs และเริ่มต้นการอัปเดตสถานะเลเยอร์ 1 ให้กับ Ethereum blockchain
“ในแง่นี้ การทำงานของเครือข่ายจะเป็นแบบรวมศูนย์ชั่วคราวไปจนกว่าจะมีการกระจายอำนาจเต็มรูปแบบ ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป แม้ว่า Starkware จะเป็นผู้ดำเนินการเครือข่าย แต่ก็ไม่สามารถขโมยเงินได้และไม่สามารถทำการเปลี่ยนสถานะที่ไม่ถูกต้องได้ เนื่องจากจำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบบน Ethereum” Volokh อธิบาย
Volokh กล่าวเสริมว่า โปรโตคอลมีความ “ซื่อสัตย์ 100%” และไม่สามารถปลอมแปลงธุรกรรมหรือข้อมูลได้ เนื่องจากบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ของ Ethereum ทำหน้าที่เป็นตัวกรอง
การกระจายอำนาจในส่วนประกอบต่าง ๆ ของระบบ Starknet นั้นมีระดับความยากที่แตกต่างกันไป ซึ่งรวมถึงการกระจายอำนาจการผลิตบล็อกผ่านโปรโตคอล consensus , การกระจายอำนาจ proving layer ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการพิสูจน์การคำนวณสำหรับบล็อก , และการกระจายอำนาจกระบวนการอัปเดตสถานะ L1
“เราต้องการเน้นย้ำว่าการกระจายอำนาจแต่ละรายการเป็นสิ่งสำคัญ เพราะตราบใดที่แม้แต่หนึ่งในนั้นยังรวมศูนย์อยู่ คุณก็จะยังไม่ประสบความสำเร็จ” Volokh กล่าวเสริม
“เท่าที่เรารู้ เราเป็นกลุ่มแรกที่ออกมาพร้อมกับโซลูชันที่ค่อนข้างสมบูรณ์และเป็นรูปธรรม” Volokh กล่าว น
Volokh กล่าวเพิ่มเติมว่า Starknet ยังอยู่ในกระบวนการสรุปการทดสอบและการนำกลไกการกระจายอำนาจเหล่านี้ไปใช้งานในเครือข่าย โดยสิ่งนี้มีแนวโน้มที่จะดำเนินการผ่าน testnet ที่เชื่อมต่อถึงกันเพื่อทดสอบการทำงานพร้อมกันของส่วนประกอบต่างๆ
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ rocketboys.medium.com