Metaverse อาจรู้สึกเหมือน “ตาย” สำหรับผู้ใช้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่อุตสาหกรรมนี้กำลังเจริญรุ่งเรืองทั่วเอเชีย ตามที่ Sebastien Borget ผู้ร่วมก่อตั้งและ COO ของ The Sandbox กล่าว
ในการให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ในการประชุมสุดยอด Web3 ของ Asian Blockchain Gaming Alliance ในสิงคโปร์เมื่อวันที่ 12 กันยายน Borget กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ประมาณ 50% ของธุรกิจของ Sandbox มาจากหลายประเทศในเอเชีย
“ถ้าคุณไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เอเชีย คุณจะคิดว่า metaverse นั้นตายไปแล้วจากอเมริกาเหนือและฝั่งตะวันตก” Borget กล่าว
“แต่มันกลับยังร้อนแรงมากในเอเชีย โดยมี ฮ่องกง และเกาหลี เป็นตลาดสองอันดับแรก รองลงมาคือญี่ปุ่น”
ในขณะเดียวกัน Borget ตั้งข้อสังเกตว่าเร็ว ๆ นี้เขาจะประกาศเปิดตัว Lion City บนเวทีที่งาน Token 2049 ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นย่านใหม่ที่มีที่ดินเสมือนจริงจำนวน 512 แปลงใน Sandbox metaverse โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงวัฒนธรรมของสิงคโปร์ผ่านความร่วมมือกับหลายประเทศทั่วโลก
Borget ให้รายละเอียดว่า The Sandbox เพิ่งปิดการขายที่ดินเสมือนครั้งใหญ่ในตุรกีได้อย่างไร โดย metaverse เป็นสิ่งที่เขาอธิบายว่าเป็น “ระบบนิเวศขนาดใหญ่”
“ระบบนิเวศของ Sandbox เติบโตขึ้นจนมีแบรนด์มากกว่า 400 แบรนด์ พันธมิตร 700 รายทั่วโลก และเอเจนซี่ที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว 200 รายที่กำลังสร้างบน Sandbox” เขากล่าวเสริม
“ผมรู้สึกว่า NFT ทุกอันจะต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก” นอกจากนี้ Borget ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าการเปิดตัวชุดหูฟัง Augmented Reality Vision Pro ของ Apple ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับอุตสาหกรรม metaverse ที่ช่วยให้เนื้อหาดิจิทัลดูสมจริงได้เหมือนกับของจริง
“สิ่งนี้ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลใกล้ชิดกับคุณมากยิ่งขึ้น แทนที่จะนั่งอยู่ในกระเป๋าเงินที่คุณต้องคอยเปิดในเบราว์เซอร์หรือหน้าแอปพลิเคชัน” Borget อธิบาย
ท้ายที่สุด Borget สรุปว่า ไม่มีทางเลือกที่ถูกหรือผิดสำหรับภาค metaverse ที่จะส่งเสริมการนำ Web3 ไปใช้อย่างแพร่หลาย และ Borget ตั้งข้อสังเกตว่า metaverse เช่น The Sandbox ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้ที่แตกต่างจากโลกแห่งเกมแบบดั้งเดิม
อ้างอิง : cointelegraph
