การหลอกลวง Cryptocurrency ได้ลดลงอย่างมากถึง 77% จาก 3.3 พันล้านดอลลาร์เป็น 1.1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2023 ตามรายงานล่าสุดของ Chainalysis บริษัทข่าวกรองบล็อกเชน
อย่างไรก็ตาม การโจมตีเรียกค่าไถ่กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง โดยผู้กระทำผิดโกยรายได้ไปมากกว่า 62.4% ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม Chainalysis ได้เผยแพร่รายงาน Mid Year Crypto Crime โดยระบุว่า ครั้งนี้เป็นปีที่สองติดต่อกันที่รายได้จากการหลอกลวงมีแนวโน้มลดลง
บริษัทตั้งข้อสังเกตว่า ในอดีตรายได้จากการหลอกลวงเพิ่มขึ้นในตลาดกระทิง — แต่จนถึงตอนนี้ในปี 2023 ยังไม่เป็นเช่นนั้น:
“โดยปกติแล้ว การเคลื่อนไหวของราคาในเชิงบวกมักส่งผลให้รายได้จากการหลอกลวงสูงขึ้น อาจเป็นเพราะความมีชีวิตชีวาของตลาดที่เพิ่มขึ้นและความ FOMO ทำให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมีความอ่อนไหวต่อนักต้มตุ๋นมากขึ้น แต่การหลอกลวงที่รุนแรงในปี 2023 ลดลง”
Kim Grauer ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Chainalysis กล่าวว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงในอดีตอาจมีความ “รอบคอบ” มากขึ้นในการตัดสินใจลงทุนของพวกเขา และด้วยเหตุนี้ พวกเค้าก็อาจไม่ตกเป็นเหยื่อของนักต้มตุ๋นอีกต่อไป สิ่งนี้อาจส่งผลให้รายได้จากการหลอกลวงลดลง
“เป็นไปได้ที่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงได้เรียนรู้ที่จะระมัดระวังมากขึ้น” บริษัทกล่าว “และมีแนวโน้มว่ารัฐบาลและอุตสาหกรรม รวมถึงการรายงานข่าวของสื่อ ได้ช่วยให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการหลอกลวง”
Chainalysis เตือนว่า อาจมีการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์มากขึ้นเพื่อส่งเสริมการหลอกลวงผ่านการใช้ Deepfakes
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกอย่างจะดีขึ้น เนื่องจากรายรับจากแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้น 62.4% เป็น 449.1 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จนถึงเดือนมิถุนายน
Andrew J. Davis จากบริษัทที่ปรึกษาด้านอาชญากรรมไซเบอร์ Kivu กล่าวว่า ในปีนี้ ผลจากแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ที่แข็งแกร่งขึ้นและกฎหมายใหม่ที่กำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดมากขึ้นต่อการจ่ายเงินค่าไถ่ เป็นผลให้ผู้โจมตีมีแนวโน้มที่จะ “รีดไถเงินค่าไถ่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” จากบริษัทที่ยอมจ่ายค่าไถ่
