Bitcoin อาจเป็นคำตอบในการต่อสู้กับภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ เช่น deepfake กล่าวโดย Michael Saylor ประธานบริหารของ MicroStrategy ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ ล่าสุด กับ Kitco News
Saylor แสดงมุมมองของเขาโดยยกตัวอย่างบัญชีโซเชียลมีเดียที่สร้างโดย robot ซึ่งจากคำพูดของเขา บัญชีปลอมหลายพันล้านบัญชีอยู่เบื้องหลัง “สงครามกลางเมือง” ทางดิจิทัลในสังคมปัจจุบัน ซึ่งกระตุ้นความเกลียดชังในหมู่ผู้ใช้จริงของแพลตฟอร์มดิจิทัล
“ความเสี่ยงในโลกไซเบอร์คือผมสามารถปั่นหัวคนได้เป็นพันล้านคน และผมสามารถสร้างสงครามกลางเมืองโดยให้พรรครีพับลิกันปลอมเกลียดพรรคเดโมแครตปลอม หรือตัวจริง” ซึ่ง Saylor พูดถึงวิธีที่ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีในยุคหน้าอื่น ๆ จะทำให้ deepfake มีราคาถูกลงและตรวจจับได้ยากขึ้นได้อย่างไร
จากข้อมูลของ Saylor ซึ่งมีผู้ติดตาม Twitter มากกว่า 3 ล้านคน เขามีผู้ติดตามปลอมเกือบ 2,000 คนทุกวัน “ผมเห็นอย่างแท้จริงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง บัญชีบอท 1,500 บัญชีถูกลบออกจากบัญชีของผม และพวกมันก็เป็นบอท ดังนั้นเราไม่สามารถอยู่กับสถานะที่เป็นอยู่ได้อีกต่อไป” เขากล่าวต่อ ผู้บริหารเชื่อว่าวิธีแก้ปัญหาของ Deepfake และปัญหาความน่าเชื่อถือทางดิจิทัลอื่น ๆ อยู่ที่ข้อมูลระบุตัวตนแบบกระจายอำนาจ (DID)
ข้อมูลประจำตัวแบบกระจายอำนาจ คือข้อมูลประจำตัวที่เป็นของตนเองและเป็นอิสระซึ่งช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เชื่อถือได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือวิธีการตรวจสอบและควบคุมข้อมูลประจำตัวออนไลน์และข้อมูลส่วนบุคคล
“หากมีคนต้องการเปิดบอท Twitter พันล้านรายการ นั่นจะทำให้พวกเขาเสียค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมเป็นพันล้าน […] ด้วยการรวมพลังของ cryptography เข้ากับพลังของเครือข่าย decentralized crypto เช่น Bitcoin เราสามารถนำต้นทุนและผลที่ตามมามาสู่โลกไซเบอร์ ,”
Microstrategy ของ Saylor เป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับลายเซ็นที่เข้ารหัสสำหรับผู้ใช้โซเชียลและโซลูชันขององค์กร โดย Sam Altman ซีอีโอของ Open AI กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อพิสูจน์ความเป็นบุคคลด้วยโครงการคริปโต Worldcoin ของเขา เพื่อสร้างเครื่องมือระบุตัวตนแบบกระจายอำนาจ โดยบริษัทได้ปิดรอบการลงทุนมูลค่า 115 ล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
อ้างอิง : LINK