Digitalization หรือการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ (Business Model) หรือเปลี่ยนกระบวนการทำงาน (Process) กำลังเป็นตัวกำหนดอนาคตของเงิน แต่เงินของธนาคารกลางแบบดั้งเดิมจากธนาคารพาณิชย์จะยังคงมีอำนาจเหนือกว่า ตามที่ Moody’s คาดการณ์ไว้ในรายงานฉบับใหม่ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว ความน่าเชื่อถือสำคัญกว่าประสิทธิภาพ
โซลูชันการชำระเงินใหม่ ๆ จำนวนมากกำลังสนับสนุนการใช้เงินของธนาคารพาณิชย์ ตัวอย่างเช่น “เราเชื่อว่ากระเป๋าเงินดิจิทัล […] จะสนับสนุนการครอบงำของเงินธนาคารพาณิชย์ตราบเท่าที่บัญชีธนาคารยังคงเป็นแหล่งสกุลเงินดิจิทัลหลักของพวกเขา”
อย่างไรก็ตาม กระเป๋าเงินดิจิทัลอาจคุกคามรายได้ของธนาคาร โดยแยกพวกเขาออกจากขั้นตอนการทำธุรกรรม
“CBDC จะถูกมองว่าเป็นรูปแบบที่ปลอดภัยที่สุดของเงินดิจิทัล” Moody’s กล่าว โดยอ้างถึงสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการประกันเงินฝากและสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ทั่วถึงและง่ายต่อการชำระเงิน โดยเฉพาะการชำระข้ามพรมแดน แต่ความซับซ้อนทางเทคนิคและนโยบายเป็นอุปสรรคต่อการนำไปใช้ ซึ่งรายงานเสริมว่า CBDC ส่วนใหญ่จะเป็นตัวกลาง โดยรักษาตำแหน่งของธนาคารพาณิชย์ไว้
และในส่วนของ Cryptocurrencies “แม้ว่าจะมีมานานกว่าทศวรรษแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เป็นไปตามหน้าที่พื้นฐานของเงิน” Moody’s ระบุ และแม้ว่า crypto จะมีความพร้อมใช้งานที่กว้างขวาง ความสามารถในการโอนได้ตลอดเวลาและความสามารถในการตั้งโปรแกรม แต่ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความผันผวน ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูง ปริมาณงานต่ำ ปัญหาเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้ และบ่อยครั้งที่มีสภาพคล่องที่จำกัด สิ่งเหล่านี้กลับมีมากกว่าข้อได้เปรียบเหล่านั้น
ส่วน Stablecoins นั้นมีการระบุว่า “Stablecoins ประสบปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับแรงจูงใจให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้” รายงานกล่าว อย่างไรก็ตาม “การใช้ Stablecoin อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย”
“เงินดิจิทัลที่ออกโดยบริษัทเอกชน อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อรูปแบบการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม […] ยังไม่มีโครงการใดที่ประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน และหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะไม่อนุญาตให้ใช้งานในวงกว้าง”