หลักจากเกิดเหตุการณ์ Binance เทขายเหรียญ FTT ซึ่งเป็นโทเค็นจากเว็บเทรด FTX ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ล่าสุด Sam Bankman-Fried ซีอีโอหนุ่มก็ออกมาเผยว่า บริษัทอาจต้องยื่นล้มละลายหากไม่สามารถระดมทุนมาอุ้มบริษัทให้ไปต่อได้ รวมถึงก่อนหน้านี้ CZ จาก Binance ก็เหมือนจะยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการเข้าซื้อกิจการของ FTX แต่แล้วก็ยกเลิกไปหลังจากตรวจสอบสถานะของบริษัท
วันนี้ (10 พ.ย. 65) อาจารย์ธันวา อาภรณ์ทิพย์ Blockchain Technical Advisor จาก SCB 10X ได้โพสต์แนวทางการสร้างหลักฐานเกี่ยวกับสินทรัพย์ของผู้ใช้เว็บเทรด FTX เพื่อที่ว่าหากเกิดการล้มละลายของบริษัทขึ้นมาจริง ๆ ผู้ใช้จะสามารถใช้หลักฐานนี้ในการยื่นเพื่อขอคืนสินทรัพย์จากบริษัทได้
การเก็บหลักฐานของสินทรัพย์ดีอย่างไร?
โดยปกติแล้ว สินทรัพย์ที่เก็บเอาไว้ในเว็บเทรดต่าง ๆ ตัวผู้ใช้จะไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัยพ์นั้นจริง ๆ โดยคนที่ถือ Key เอาไว้ก็คือตัวเว็บเทรด ตัวผู้ใช้จะมีเพียงบัญชีที่เข้าถึงแค่ยอดของสินทรัพย์ที่ตัวเองถืออยู่เท่านั้น ดังคำกล่าวที่ว่า Not your key, not your coins. โดยหากเราเก็บสินทรัพย์ของเราไว้ใน Hardware Wallet คนที่ถือ Key หรือ Seed Phrase ก็คือเราเอง ซึ่งตราบใดที่เราไม่ทำหายไป สินทรัพย์เหล่านั้นก็ยังเป็นของเราอยู่ ซึ่งต้องเก็บไว้ให้ปลอดภัยด้วยนะ เจ้า Seed พวกนี้
วิธีการเก็บยอดสินทรัพย์จาก FTX
อาจารย์ ธันวาได้แนะนำวิธีการเซฟและเก็บยอดของสินทรัพย์ของผู้ใช้ ผ่าน FTX ไว้ 2 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1: กดผ่านหน้า UI ของ FTX โดยวิธีนี้ อาจารย์แนะนำว่าให้รีบกดรีบ ๆ กด เพราะอาจเกิดเหตูปิดเว็บหนีได้ โดยวิธีทำตามรูปด้านล่างได้เลย
กดที่ชื่อมุมขวาบน > Historical Balances > กด Request snapshot > รอ Generate > กด View Results แล้วเซฟออกมาเป็นไฟล์ได้เลย
โดยหลังจากนั้นให้จด Customer ID, Email ที่เราใช้เปิดบัญชีไว้ด้วย
วิธีที่ 2: เหมาะกับสายโปรแกรมเมอร์ที่รัน Python เป็น โดยลง Module เหล่านี้ผ่าน pip
pip install pandas typing requests hmac ciso8601
ไปดึง code ตัวนี้มาจาก GIST ของอาจารย์ธันวา
https://gist.github.com/…/4caf31719ff9106e516dce341572b89d
แก้ช่อง pub_key กับ priv_key ให้เป็นของ API เรา โดยให้ใช้ API ตัวที่มีสิทธิเข้าถึง sub-account ทุกตัว (Line 10-11) และข้อมูลทุกอย่างจะถูกเซฟลงใน Folder เดียวกันกับ script ที่เราเซฟมาจากด้านบน
สถานการณ์แบบนี้ อะไรกันได้ก็ป้องกันกันไว้นะครับ Stay Safe ครับผม
ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook ส่วนตัวอาจารย์ธันวา อาภรณ์ทิพย์