ตลาดหลักทรัพย์เทลอาวีฟ (TASE) เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 ต.ค. เกี่ยวกับการสร้างแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อคเชนเพื่อขยายบริการการซื้อขายไปยังสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ใหม่สำหรับปี 2023 ถึง 2027
TASE ได้เผยเกี่ยวกับการลงทุนใน crypto และการสร้างแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล โดยระบุว่า :
“TASE จะส่งเสริมการนำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ ซึ่งรวมถึง DLT , การแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลและ Smart Contracts ประเภทต่างๆ โดย TASE ตั้งใจที่จะตรวจสอบแผนปฏิบัติการที่เป็นไปได้ในหลากหลายแผน รวมถึงการแปลงโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เป็นเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม , การปรับใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมในแพลตฟอร์มเฉพาะทาง , นำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล , และอื่นๆ อีกมากมาย”
ภายในแผนกลยุทธ์ใหม่ ฝ่ายบริหารของ TASE ได้กำหนดเป้าหมายรายรับที่มีอัตราการเติบโตต่อปีเป็นเวลา 5 ปี ที่ 10% ถึง 12% จากการเติบโตแบบออร์แกนิก ซึ่งการปรับโครงสร้างอาจรวมถึง “การดำเนินการตามแผนสำหรับการซื้อเชิงกลยุทธ์และ/หรือการลงทุนในด้านของกิจกรรมและ/หรือในพื้นที่ที่เพิ่มมูลค่าให้กับกิจกรรม”
แผนดังกล่าวซึ่ง TASE อ้างว่ามาจากการวิเคราะห์แนวโน้มของอุตสาหกรรม โดยเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่บริษัทประกาศความร่วมมือกับกระทรวงการคลังของอิสราเอล เพื่อทดสอบแพลตฟอร์มที่ได้รับการสนับสนุนจากบล็อคเชนสำหรับการซื้อขายพันธบัตรดิจิทัล ภายใต้ชื่อ “อีเดน” โดยพันธบัตรจะออกโดยกระทรวงการคลัง และโครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงการออกพันธบัตรของประเทศ
ในเดือนกันยายน TASE ได้ประกาศความร่วมมือกับ Bank for International Settlements พร้อมกับธนาคารกลางอื่น ๆ เพื่อสำรวจการใช้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสำหรับรายย่อยและการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งความร่วมมือนี้มีชื่อว่า Project Icebreaker โดยจะเกี่ยวข้องกับการทดสอบฟังก์ชันหลักและความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีของการเชื่อมโยง CBDC ในประเทศผ่านระบบ proof-of-concept