Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ประกาศความคืบหน้าของการพัฒนาอีกครั้งในโครงการด้านศิลปะดิจิทัล โดย ณ วันที่ 29 กันยายน ผู้ใช้ทั้งหมดบนทั้งสองแพลตฟอร์ม สามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินและแชร์โทเค็น NFT และกำลังจะรองรับในอีก 100 ประเทศ
Meta ค่อยๆ เปิดตัวฟีเจอร์ NFT ในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยบริษัทได้เพิ่มการสนับสนุน NFT ใน Instagram ในเดือนพฤษภาคม และรองรับบน Facebook ในเดือนมิถุนายน จากนั้นบริษัทก็เริ่มอนุญาตให้มีการโพสต์ NFT ได้ระหว่างสองแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในเดือนสิงหาคม
อย่างไรก็ตาม มีเพียงผู้ใช้บางรายเท่านั้นที่สามารถใช้คุณลักษณะ NFT ได้จนถึงวันนี้ แต่ด้วยผู้ใช้ Facebook กว่า 2.9 พันล้านคนและผู้ใช้ Instagram 1.4 พันล้านคน การอัปเดตในวันนี้จะขยายขอบเขตการเข้าถึงฟีเจอร์ NFT ของ Meta ได้อย่างมาก
ปัจจุบัน Meta รองรับ NFT บนบล็อคเชนสามแห่งได้แก่ : Ethereum, Flow และ Polygon นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มการรองรับ Solana blockchain ในอนาคตอีกด้วย
บริษัทยังเพิ่มการสนับสนุนกระเป๋าเงินบุคคลที่สาม เช่น Rainbow, MetaMask, Trust Wallet, Coinbase Wallet และ Dapper Wallet
อย่างไรก็ตาม Meta ก็มีการประกาศว่าจะหยุดการจ้างงานและปรับโครงสร้างของบางทีม นอกจากนี้ยังจะลดงบประมาณของทีมลงอีกด้วย
Mark Zuckerberg CEO ของ Meta กล่าวว่า รายรับของบริษัท “ทรงตัวลดลงเล็กน้อยเป็นครั้งแรก” ในระยะเวลา 18 ปีของการดำเนินงาน โดยเขาเสริมว่าบริษัทจะ “เล็กลง” ภายในสิ้นปี 2023
Zuckerberg ยังกล่าวอีกว่า เขาหวังว่าเศรษฐกิจจะ “มีเสถียรภาพมากขึ้นในตอนนี้” แต่ขณะนี้ บริษัทจะดำเนินการอย่างระมัดระวังเนื่องจากขาดเสถียรภาพดังกล่าว