พนักงานไฟฟ้าโคราชหลอกลงทุนคริปโตฯ เชิดเงินเหยื่อกว่า 5 ล้านหนีหายวาบ

เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2565 ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ นายวิรัตน์ พร้อมด้วย น.ส.กนกวรรณ และ นายสุนทร ชาวตำบลน้ำริด เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อัศวนนท์ ขัตติ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ ให้ดำเนินคดีเอาผิดนายพล (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี พนักงานไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ให้ร่วมลงทุนซื้อ-ขาย เงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อนำกำไรจากการซื้อ-ขายมาแบ่งปันกัน

โดยมีการทำหนังสือสัญญาร่วมทุนกันของทั้ง 2 ฝ่ายไว้เป็นหลักฐาน และจะมีการชำระคืนเป็นเงินที่ได้มีการลงทุนตามจำนวนมากหรือน้อยต่อเดือน เป็นระยะเวลา 12 เดือน รอบจ่ายทุกวันที่ 30 ของทุกเดือน และการถอนการเป็นหุ้นส่วนคู่สัญญาตกลงจะไม่ถอนหุ้นหรือทรัพย์สินที่นำเข้ามาเข้าหุ้นส่วนตามสัญญานี้ ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาหรือเมื่อครบสัญญา หากมีการผิดสัญญาใด ๆ คู่สัญญาตกลงว่า อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ 

จากการร่วมลุงทุนซื้อ-ขาย เงินดิจิทัลครั้งนี้ มีผู้เสียหาย ทั้ง 3 ราย จากได้รับการชักชวนจากคนใกล้ชิดให้ร่วมลงทุน ประกอบกับ นายพล มีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นถึงพนักงานไฟฟ้า ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งคงไม่กล้าเอาตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดูน่าเชื่อถือนี้มาหลอกลวงให้ร่วมลงทุนซื้อ-ขายเงินดิจิทัล เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนจากการลงทุนชนิดนี้มีการซื้อ-ขายกันมาก เหยื่อจึงหลงเชื่อร่วมทุนด้วย 

โดยนายวิรัตน์ ได้ร่วมลงทุนเป็นเงินจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,200,000 บาท น.ส.กนกวรรณ ร่วมลงทุนเป็นเงิน 500,000 บาท และนายสุนทร ร่วมลงทุนเป็นเงิน 100,000 บาท ซึ่งมีหลักฐานสลิปการโอนเงินผ่านเข้าสมุดบัญชีธนาคารของนายพล หากครบกำหนดสัญญาเป็นเวลา 1 ปี ปรากฏว่า นายพล กลับไม่ดำเนินการแบ่งกำไรและเฉลี่ยผลขาดทุนระหว่างคู่สัญญา ให้เป็นไปตามอัตราส่วนการลงทุน ในการชำระคืนต่อเดือนเป็นระยะเวลา 12 เดือน และเลยระยะเวลา 1 ปีมาแล้ว และได้มีการทวงถาม แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นคำตอบว่ายังไม่พร้อมจะคืนเงินให้

ต่อมา ผู้เสียหายทั้ง 3 คน ได้เดินทางไปพบนายพล ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อทวงถามเงินลงทุนจำนวนดังกล่าวที่จะคืนให้แต่ถูกปฏิเสธ โดยอ้างว่ายังไม่พร้อมที่จะคืนเงิน และให้เหตุผลว่าเกิดสภาวะการขาดทุน ทั้งนี้ ในหนังสือสัญญายังได้ระบุด้วยว่า หากไม่คืนเงินร่วมทุนภายในกำหนดให้ สามารถเรียกร้องเงินดังกล่าวคืนรวมทั้งค่าเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการคืนเงินร่วมลงทุนดังกล่าวได้

ต่อมาเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 90 วัน เจ้าทุกข์ทั้ง 3 รายได้ติดต่อกับนายพล กลับเพิกเฉยละเลยไม่สนใจ เจ้าทุกข์ทั้งหมดจึงเชื่อว่าถูกนายพล  หลอกลวงให้หลงเชื่อว่าจะหาเงินมาคืนให้ จึงได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในวันนี้ (22 ก.ค. 2022)

ด้าน ร.ต.อ.อัศวนนท์  ขัตติ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ ได้รับเรื่องร้องทุกข์ในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงจากการลงทุนซื้อ-ขายเงินดิจิทัล หากตรวจสอบแล้วพบเข้าข่ายหลอกลวงให้หลงเชื่อเพื่อลงทุนซื้อ-ขายเงินดิจิทัล จะดำเนินคดีเอาผิดกับนายพล ต่อไป โดยจะตรวจสอบเอกสารหลักฐานการโอนเงินดังกล่าวกับทางธนาคาร พร้อมตรวสอบข้อมูลกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา และพื้นที่อื่น หากพบมีเจ้าทุกข์แจ้งความดำเนินคดีเอาผิดหลายคดี จะทำการรวบรวมสำนวนการสอบสวนและส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรวมเป็นคดีเดียวและเอาผิดในข้อหาหลอกลวงและฉ้อโกงต่อไป


ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์ รูปภาพ

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

wissarut

ข่าวต่อไป

FOLLOW ME

Blockchain Life 2024

Crypto Coffee

Cryptomind Research Talk

CryptOmakase

ข่าวต่อไป