Dyma Budorin CEO ของ Hacken บริษัทตรวจสอบ Smart contract คิดว่าผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Web3 กำลังล้มเหลวในอุตสาหกรรมคริปโต และ “จุดบอดขนาดใหญ่” ในแนวทางปฏิบัติทางการตลาดกำลังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของนักลงทุน
Budorin เชื่อว่าการขาดความรับผิดชอบและความโปร่งใสในการตรวจสอบที่ผู้ให้บริการจำนวนมากดำเนินการนั้น ทำให้ขาดการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้และโครงการ
ปัจจุบัน ผู้ตรวจสอบ smart contract ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ หากโทเค็นที่ตรวจสอบแล้วถูกแฮ็ก เนื่องจากข้อบกพร่องในโค้ด และเหตุการณ์แฮ็กที่ใหญ่ที่สุดส่วนใหญ่ในปีนี้เกิดขึ้นในโปรเจ็กต์ที่ได้รับการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามไปแล้ว
Budorin กล่าวว่าสิ่งนี้ทำให้เขาไม่สบายใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับวิถีการเติบโตของอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Web3 ซึ่งล้าหลังกว่าสิ่งที่ไม่ใช่คริปโต ตามรายงานของ Hacken
ผู้ตรวจสอบ Web3 จะเจาะลึกถึง code ของโทเค็นเพื่อค้นหาภัยคุกคามที่มีความรุนแรงต่าง ๆ ซึ่งการตรวจสอบเหล่านี้ไม่ได้ประเมินปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความอยู่รอดของรูปแบบธุรกิจ ประสบการณ์ของทีม และอื่นๆ
“พวกเขาขาดการทดสอบ ความรับผิดชอบ และความโปร่งใสในการจัดอันดับคริปโตเคอเรนซี่”
Budorin กล่าวว่า “ขณะนี้ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Web3 ไม่มีบริษัทใดที่เสนอการตรวจสอบซ้ำ” ที่เกิดขึ้นทุกเดือนและเข้าไปลึกยิ่งขึ้นเกี่ยวกับโครงการ
“ตอนนี้ แนวทางปฏิบัติใรตลาดที่ดีที่สุดคือการได้รับการตรวจสอบโทเค็น และก็มีแค่นั้น”
Budorin ใช้โทเคนบริดจ์เป็นตัวอย่างเพื่อแสดงให้เห็นถึงอันตรายของอุตสาหกรรมโดยไม่มีกลไกการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งการแฮ็ก crypto ที่ใหญ่ที่สุดสองครั้งในปี 2022 เกิดขึ้นบนโทเค็นบริดจ์ Wormhole และ Ronin Bridge ของ Axie Infinity ซึ่งสูญเสียไปรวมกัน 920 ล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากข้อบกพร่องที่เห็นได้ชัดในโค้ดแล้ว Budorin กล่าวว่า token bridges แสดงให้เห็นเพิ่มเติมถึง “จุดบอดจำนวนมาก” ในการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ได้อย่างไรเพราะ “ไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบกุญแจ ใครเป็นคนสร้างโทเค็นใหม่ ถ้าโทเค็นถูกเชื่อมโยงอย่างเหมาะสม และอื่นๆ โดยไม่มีความโปร่งใส”