Ripple เป็นบริษัทด้านคริปโตที่อยู่เบื้องหลังเหรียญ XRP เพิ่งซื้อหุ้น คืนจาก Tetragon Financial Group การซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นการปิดข้อพิพาทอันยาวนานระหว่างสองบริษัทที่เริ่มขึ้นหลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ยื่นฟ้องบริษัท Ripple ในปี 2020 โดยกล่าวหาว่า เป็นบริษัทขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในรูปของโทเค็น XRP โดยการซื้อคืนหุ้นในครั้งนี้ได้เพิ่มมูลค่าของบริษัท Ripple มากขึ้นกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ก็ได้ออกมาตีความเกี่ยวกับผลที่เกิดขึ้นหลังจากการซื้อหุ้นคืนของบริษัท Ripple ที่ส่งผลต่อตลาดคริปโต
Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple ประกาศซื้อหุ้นคืนโดยมองในแง่ดี
CEO Brad Garlinghouse ได้ทวีตประกาศว่าบริษัทได้ซื้อหุ้นคืน หลังจากที่ขายให้กับ Tetragon Financial Group เสร็จสิ้นแล้ว Garlinghouse กล่าวเสริมว่าการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ได้เพิ่มมูลค่าของบริษัท Ripple มากขึ้นกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์
“ทางเราตื่นเต้นมากที่จะประกาศว่า Ripple ได้ซื้อหุ้น Series C ของเราคืน (ธันวาคม 2019) ที่มูลค่าบริษัทกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์!” Garlinghouse กล่าว
เขาเริ่มสรุปว่าทำไม Ripple ถึงเติบโตมากกว่าที่เคยเป็นมาในปี 2022 Garlinghouse จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้บริษัทต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในปี 2021 แต่ก็เป็นปีที่ดีที่สุดทางด้านการเงินของบริษัท Ripple เนื่องจากสามารถทำรายได้เป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ได้
“ปี 2022 คำว่า ‘ช้าลง’ ไม่ได้บัญญัติอยู่ในพจนานุกรมของเรา แม้จะมีอุปสรรค์ในปี 2021 แต่ก็เป็นปีที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเรา และสถานะทางการเงินของ Ripple (1 พันล้านดอลลาร์ในธนาคาร) ก็แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา” เขากล่าว
แม้จะยังต่อสู้คดีความกับทาง ก.ล.ต. บริษัท Ripple ก็สามารถเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารต่างประเทศได้หลายแห่ง เพื่อให้บริการทางด้านการชำระเงินข้ามพรมแดน โดยการนำบริการ crypto มาสู่สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม Garlinghouse ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบัน RippleNet ได้ช่วยจัดการธุรกรรมให้ลูกค้าเป็นมูลค่าที่มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้เขายังได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า RippleX ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินแบบ open-source กำลังมองเห็นความสามารถใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้าในระบบ XRP Ledger รวมถึง NFTs, CBDCs,interoperability bridges และ sidechains.
การประกาศของ Garlinghouse ทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกแยก
แม้ว่าคำแถลงการณ์ของ Garlinghouse จะกล่าวในแง่บวกมากมาย แต่จิตใจของนักเทรดยังไม่สงบได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากสถานการณ์ข้อพิพาทกับ Tetragon ในเดือนธันวาคม 2019 ที่ Ripple ได้ระดมทุน 200 ล้านดอลลาร์ในการระดมทุน Series C กับบริษัทการลงทุนในสหราชอาณาจักร และเข้าร่วมโดย SBI Holdings และ Route 66 Ventures ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน สำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องบริษัท Ripple โดยประกาศว่า XRP เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในรูปของโทเค็น
เมื่อเห็นสำนักงาน ก.ล.ต. ออกหมายฟ้องร้อง Ripple ทาง Tetragon ก็เลยยื่นฟ้อง Ripple เพื่อพยายามเรียกคืนเงินทุน แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็แพ้คดีให้กับทาง Ripple แต่ถึงอย่างไร คดีกับทาง ก.ล.ต. ก็ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด จากสิ่งเหล่านี้ ทำให้ความรู้สึกของนักเทรดในตลาดถูกแบ่งฝ่ายออกมาว่า การซื้อหุ้นคืนของ Ripple นั้นมีความหมายอย่างไรกันแน่สำหรับคดีความที่ ก.ล.ต. กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งสรุปโดย Charles Gasparino แห่ง Fox Business
แต่ข้อสังเกตในอีกด้านหนึ่ง นักเทรดในตลาดบางคนยังมองว่าตลาดยังคงเป็นขาขึ้น และบ่งชี้อีกด้วยว่า Ripple จะชนะคดีที่ ก.ล.ต. ยื่นฟ้องในไม่ช้านี้ เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น Ripple จึงวางแผนที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรพย์ ดังนั้น ในทางกลับกัน ทำให้ผู้สังเกตการณ์ตลาดบางคนมองว่าการซื้อหุ้นคืน คือ“จำกัดความรับผิดชอบในกรณีที่สูญเสีย”