Apple ถูกฟ้องอีกครั้งสำหรับความเสียหายที่เกิดจากแอปหลอกลวงที่ถูกกล่าวหาว่ามีอยู่ใน App Store ซึ่งคราวนี้เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency
ในการร้องเรียนดังกล่าว โจทก์ชื่อ – Hadona Diep อธิบายว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบเต็มเวลา” – กล่าวหา Apple “อนุญาตให้แอพลิเคชันที่เป็นอันตราย” ใน App Store และทำให้ Diep สูญเสียโทเค็น XRP จำนวน 474 เหรียญ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 507 เหรียญสหรัฐ ณ เวลาที่เขียน
ตามคำร้องเรียนดังกล่าวพูดถึง แอปหลอกลวง ซึ่งเป็นแอปที่ปลอมแปลงจาก Toast Wallet โดยใช้ชื่อเรียกว่า Toast Plus เพื่อขโมย seed phrase ของ Diep และโทเค็นทั้งหมดในกระเป๋าเงินปลอม และยังอ้างว่ามีผู้ใช้อีก “หลายร้อยหรือหลายพันคน” ที่ตกเป็นเหยื่อของแอพหลอกลวง Toast Plus และถูกขโมยเงินดิจิตอลกว่า 5 ล้านดอลลาร์
การฟ้องร้องดำเนินคดีแบบกลุ่มต่อ Apple เป็นคดีความล่าสุดในคดีฟ้องร้องที่กำหนดเป้าหมายไปที่ App Store ของ Apple ซึ่ง Apple ได้ปกป้องแนวทาง ” walled-garden ” โดยกล่าวว่าช่วยให้ผู้ใช้ปลอดภัยโดยป้องกันไม่ให้มีการดาวน์โหลดแอปโกงและไวรัสโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกฟ้องร้องจากคดีความของ Diep และอื่นๆ รวมถึงผู้พัฒนาแอป FlickType
นักวิจารณ์ของ App Store มีการกล่าวหาว่าถึงการผูกขาดที่ไม่เป็นธรรมของคดีระหว่าง Apple กับ Epic Games โดยคดีของ Diep ยังระบุถึง “ตลาดแอพพลิเคชั่นที่มีการผูกขาด” ของ Apple โดยอ้างว่า Apple ต้อง “ใช้มาตรการป้องกันที่มีความเหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่จัดหาให้นั้นปลอดภัยพอสมควร”
แอพหลอกลวงนั้นเป็นปัญหามานานแล้วทั้งใน App Store และ Google Play Store ซึ่ง Apple ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นผู้ส่งเสริมแอปปลอมโดยไม่รู้ตัว และจากรายงานของ Washington Post พบว่าประมาณ 2% ของแอพที่ทำรายได้สูงสุดใน App Store นั้นเป็นการหลอกลวง
Julie Conroy หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกด้านความเสี่ยงและที่ปรึกษาของบริษัทวิจัยและที่ปรึกษา Aite-Novarica Group บอกว่าการต่อสู้กับแอพปลอมนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่
“ผู้โจมตีใช้กลวิธีที่ซับซ้อนมากมาหลายปีเพื่อหลอกล่อผู้บริโภคโดยไม่รู้ตัวให้ดาวน์โหลดแอปปลอม เพื่อปล่อยมัลแวร์และหลอกเอาข้อมูลประจำตัว” Conroy กล่าว
“ในขณะที่มีการพัฒนากระบวนการตรวจสอบเพื่อพยายามตรวจจับสิ่งเหล่านี้ ผู้โจมตีก็ได้พัฒนาวิธีที่ชาญฉลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ” Conroy กล่าวเสริม