ตามที่รายงานโดย Bloomberg ระบุว่า “เครือข่าย Bitcoin ใช้ไฟฟ้าประมาณ 67 TWh ในปี 2020 และปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดได้ทะลุระดับนี้ไปแล้วในปี 2021” และภายในสิ้นปีนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Bitcoin จะใช้ไฟฟ้า 91 TWh ซึ่งเทียบเท่ากับการบริโภคไฟฟ้าของปากีสถาน ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมคาดการณ์ว่าตัวเลขอาจสูงขึ้นไปอีกที่ 95 TWh
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวนี้ก็มีแนวโน้มที่จะผันผวนจากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การปราบปรามการขุด Bitcoin ในประเทศจีนเมื่อต้นปีนี้ ทำให้ hash power จำนวนมากหายไปจากเครือข่าย Bitcoin ซึ่งเคยสูงถึง 141TWh ในเดือนพฤษภาคม และลดลงเหลือ 68 TWh ในเดือนมิถุนายน
โดยทั่วไป มักคาดการณ์ว่าจะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเมื่อราคาของ Bitcoin สูงขึ้น ซึ่งการขุดนั้นต้องใช้พลังงานมากที่สุดในเครือข่าย Bitcoin – ซึ่งรายงานชี้ว่าการขุดจะทำกำไรได้มากกว่าเมื่อมูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้น และดึงพลังงานมาสู่เครือข่ายมากขึ้น
แต่ปริมาณการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นก็ไม่จำเป็นที่จะเกี่ยวข้องกับความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมตามที่นักวิจารณ์หลายคนกล่าวอ้าง เนื่องจากข้อมูลในเดือนกรกฎาคมบ่งชี้ว่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของ Bitcoin ลดลงอย่างมาก เนื่องจาก Elon Musk แสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเดือนพฤษภาคม และสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการอพยพของเหมืองขุดจากประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาถ่านหิน และย้ายไปยังสถานที่ที่มีตัวเลือกพลังงานหมุนเวียนที่มีต้นทุนต่ำ เช่น เท็กซัส
นอกจากนี้ การประชุม “B-Word” ในเดือนกรกฎาคมยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่เปิดเผยว่าการขุด Bitcoin นั้นมีการใช้พลังงานทดแทน โดยตัวเลขชี้ให้เห็นถึงการใช้พลังงานทดแทนระหว่าง 34-46% บนเครือข่าย ในขณะที่คิดเป็นเพียง 0.1% ของการปล่อย CO2 ทั่วโลก
แม้แต่ Elon Musk ก็ยอมรับในช่วงเวลานั้นว่าการขุด Bitcoin นั้นมีแนวโน้มไปในทิศทางของแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และเขาอาจจะยังคงยอมรับ Bitcoin สำหรับการซื้อของ Tesla ต่อไป