ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการกระทำที่ผิดกฎหมายในโลกดิจิทัล ผู้แทนและประธานคณะอนุกรรมการ Emanuel Cleaver (D-MO) กล่าวว่า พบการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่สำหรับอาชญากรรมออนไลน์ในปี 2020
“เราพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นถึง 75% ในอาชญากรรมไซเบอร์ที่รายงานโดย FBI ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ของ COVID-19” Cleavor กล่าว
หลังจากมาตรการป้องกัน COVID-19 ทำให้บริษัทต่าง ๆ ให้พนักงานทำงานจากระยะไกล และเมื่อผู้คนจำนวนมากมีการทำกิจกรรมบนโลกออนไลน์มากขึ้น แฮ็กเกอร์ก็มองเห็นโอกาสนี้เช่นกัน เช่นการประชุมออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง ZOOM ที่มีข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลจำนวนมาก
Tom Kellermann หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ของ VMware กล่าวว่า “238% ในอาชญากรรมดิจิตอลที่เกิดขึ้นในระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2020 ประกอบไปด้วยการเพิ่มขึ้นของการโจมตี Ransomware 900%” เขากล่าวเสริม
Kellermann กล่าวถึงการเชื่อมโยงกับ Crypto
หลังจากพบเห็นหลากหลายวิธีที่แฮ็กเกอร์ใช้หลอกเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย Kellermann ได้กล่าวถึงเว็บเทรดที่ถูกแฮ็กและหารรั่วไหลของข้อมูล นอกจากนี้เขายังอธิบายว่าแฮ็กเกอร์ได้ใช้ DARKWEB และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ช่วยปกปิดตัวตนเป็นวิธีในการฟอกเงิน
“Dark web ที่มีการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่ช่วยปกปิดตัวตน ได้สร้างตลาดสำหรับอาชญากรและอาชญากรรมเพื่อเข้าถึงตลาดโลก” Kellermann กล่าว
“ระบบการชำระเงินและ cryptocurrencies ที่ช่วยปกปิดตัวตนที่แท้จริง สิ่งนี่เป็นการเพิ่มความจำเป็นของการออกกฎระเบียบเพิ่มขึ้นของเงินดิจิทัล”
ในความเป็นจริงแล้ว Bitcoin ก็มีระดับของการปกปิดตัวตนโดยขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของการซื้อ อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่ประชาชนสามารถติดตาม Bitcoin ได้ง่ายกว่าเงินสด ถึงแม้ว่า Kellermann จะเรียกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับการปกปิดตัวตน แต่สินทรัพย์ดิจิตอลจำนวนมากก็สามารถติดตามและตรวจสอบย้อนกลับได้ เหรียญที่ไม่ระบุตัวตนเช่น Monero และ Zcash ที่โดดเด่นในเรื่องความเป็นส่วนตัว และมักจะถูกนำไปใช้โดยเหล่าแฮ็กเกอร์นั้น อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องของความไม่เข้าใจเทคโนโลยีพื้นฐานของตัวผู้ใช้
โดยจากการศึกษาโดย Rand Corporation เปิดเผยว่า ผู้ใช้ Zcash เพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมายหรือทางอาญาใน DARKWEB นั้นอาจไม่เข้าใจเทคโนโลยีพื้นฐานอย่างสมบูรณ์
อ้างอิง : LINK