ในโลกปัจจุบัน cryptocurrency เป็นทรัพย์สินที่มีค่า และเป็นที่ต้องการของผู้ไม่หวังดีอย่างไม่น่าเชื่อ และในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงการหลอกลวงบนโลก cryptocurrency ที่พบบ่อยที่สุด และวิธีหลีกเลี่ยง
1.การหลอกแจก Airdrop บน Social Media
ทุกวันนี้ใน Twitter และ Facebook รวมถึง Youtube เราจะพบเห็นการหลอกลวงที่แอบอ้างคนมีชื่อเสียงโด่งดังว่าจะมีการแจก (Giveaway) โดยคุณเพียงแค่ส่งเงินให้พวกเขาจำนวนเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็น BNB / BTC / ETH และนักต้มตุ๋นเหล่านั้นสัญญาว่าจะส่งเงินคืนให้คุณ 10 เท่า ฟังดูเหมือนจะดีใช่ไหม?แต่ น่าเสียดายที่มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะทันทีที่คุณส่งเงินไป เงินของคุณก็จะหายไปตลอดกาล
หากคุณเป็นผู้ใช้ Crypto และใช้งานโซเชียลมีเดียคุณควรระวังข้อความหลอกลวงแจกของรางวัลประเภทนี้ และหากคุณพบเจอสิ่งเหล่านี้ ให้คุณลองดูที่ชื่อโปรไฟล์และคุณจะเห็นความแตกต่าง และจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นของปลอม
2.โครงการแบบปิรามิด หรือ Ponzi
โครงการแบบปิรามิด หรือ Ponzi มีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่เราก็จัดมันไว้ในหมวดหมู่เดียวกันเนื่องจากความคล้ายคลึงกันของการหลอกลวง นั่นคือการให้คุณนั้นหาสมาชิกใหม่เข้ามาลงทุน พร้อมกับสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูงจนไม่น่าเชื่อ
Ponzi : คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนพร้อมกล้าการันตีผลกำไรที่จะได้รับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสูตร หรือ เวทมนต์ใด ๆ ที่จะเสก – “ผลตอบแทน” แบบการันตีให้คุณได้นอกเสียจากเงินของนักลงทุนรายอื่นที่ถูกหลอกเข้ามาหลังจากคุณ
ตัวอย่างเช่น หากมีโครงการที่สัญญาจะให้ผลตอบแทน 10% ทุกเดือน โดยที่คุณต้องลงทุน $100 จากนั้นบริษัทเหล่านั้นก็จะไปหาคนมาลงทุนคนอื่นด้วยเงิน $100 เช่นกัน และคุณก็จะได้เงิน $110 เมื่อถึงสิ้นเดือน จากนั้นบริษัทก็จะต้องหาลูกค้ารายอื่นไปเรื่อย ๆ ให้เข้าร่วมลงทุน เพื่อจะได้มีเงินจ่ายลูกค้ารายที่เพิ่งเข้ามา วงจรลักษณะนี้ก็จะดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะวงแตก เนื่องจากไม่มีเงินจากนักลงทุนรายใหม่เข้ามา
โครงการแบบปิรามิด : โครงการแบบนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องทำงานเพิ่มอีกเล็กน้อย โดยที่ด้านบนสุดของปิรามิดคือผู้จัดหรือเจ้าของโครงการ และจะรับสมัครคนจำนวนหนึ่งเพื่อเข้ามาทำงานในระดับที่ต่ำกว่าพวกเขา และคนเหล่านั้นแต่ละคนก็จะไปหาคนมาสมัครต่อตัวเองไปเรื่อย ๆ ดังนั้นมันก็จะขยายเติบโตด้วยโครงสร้างขนาดใหญ่ลักษณะเดียวกับปิรามิด
เมื่อโครงการปิรามิดเติบโตขึ้น สมาชิกที่อยู่ระดับสูงจะได้รับรายได้เพิ่มขึ้น จากเงินที่ถูกส่งจากระดับล่างถึงระดับบน แต่เนื่องจากการเติบโตแบบทวีคูณแบบนี้ โมเดลนี้จึงไม่ยั่งยืน
ในบริบทของ blockchain และ Cryptocurrencies โครงการเช่น OneCoin, Bitconnect , Foin , PlusToken ได้เข้ามาโดยใช้รูปแบบของโครงการหลอกลวงนี้ โดยมีการสร้างเหรียญ Cryptocurrencies มาบังหน้า และจ่ายผลตอบแทนให้คุณเป็น Crypto
3. แอพมือถือปลอม
โดยทั่วไปแล้ว การหลอกลวงประเภทนี้คือการที่ผู้ใช้ไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย ซึ่งบางชนิดก็เลียนแบบแอปยอดนิยมต่าง ๆ
เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปที่เป็นอันตราย ทุกอย่างอาจทำงานได้ตามที่ตั้งใจไว้ อย่างไรก็ตาม แอพเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อขโมย cryptocurrencies ของคุณ โดยมีหลายกรณีที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปที่เป็นอันตรายซึ่งผู้พัฒนาได้ปลอมแปลงเป็นบริษัท Crypto รายใหญ่
และเมื่อผู้ใช้งาน โอนเงิน Crypto เข้าไปในกระเป๋าเงินปลอมดังกล่าว หรือทำการชำระเงิน Crypto ของพวกเขาก็จะส่งไปยังที่อยู่ที่เป็นของผู้หลอกลวง แน่นอนเมื่อโอนเงินไปแล้ว ก็จะยกเลิกไม่ได้
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การหลอกลวงเหล่านี้มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษคืออันดับของพวกเขาใน Store แม้จะเป็นแอพที่เป็นอันตราย แต่แอปบางตัวก็สามารถติดอันดับสูงใน Apple Store หรือ Google Play Store ได้ ทำให้พวกเขาดูเหมือนแอปที่ไม่มีผิดภัย
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตกหลุมพรางเหล่านี้ คุณควรดาวน์โหลดแอปจากเว็บไซต์ที่เป็นทางการหรือจากลิงก์ที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น รวมถึงคุณอาจต้องตรวจสอบข้อมูลการรับรองของผู้เผยแพร่เมื่อใช้ Apple Store หรือ Google Play Store
4. ฟิชชิง
ฟิชชิง คือการแอบอ้างเป็นบุคคลหรือบริษัท เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ โดยสามารถมาได้หลากหลายรูปแบบทั้ง ทางโทรศัพท์, อีเมล, เว็บไซต์ปลอม หรือแอพแชทต่าง ๆ โดยเฉพาะแอปแชทเช่น Telegram นั้นเป็นที่นิยมมาก ๆ ของพวกหลอกลวง เนื่องจากชุมชน Crypto ใช้งานกันเยอะ
คุณอาจเคยได้รับอีเมลแจ้งให้คุณทราบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับบัญชีเว็บเทรดของคุณ ซึ่งคุณต้องคลิ้กเข้าตามลิงก์ที่แนบมาเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งลิงก์นั้นจะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ปลอม ซึ่งหน้าตาของมันจะเหมือนกับของจริงมาก ๆ และจะแจ้งให้คุณเข้าสู่ระบบด้วย ID พาสเวิด และจากนั้นผู้โจมตีจะขโมยข้อมูลของคุณทันที และอาจรวมไปถึง cryptocurrencies ของคุณด้วย
ส่วนการหลอกลวงทางแอปแชทอย่าง Telegram นั้นที่พบเจอบ่อยที่สุดคือ นักหลอกลวงจะ DM หาคุณเมื่อคุณมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือจากแอดมินในห้อง Telegram ซึ่งนักหลอกลวงจะแอบอ้างเป็นฝ่ายสนับสนุนลูกค้าหรือเป็นสมาชิกในทีมงาน จากนั้นก็จะหลอกถามข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อ หรือ seed words หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับกระเป๋าเงิน
ในกรณีของ seed words หากผู้ไม่หวังดีทราบแล้วล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเข้าถึงเงินทุนของคุณได้ทันที ดังนั้นไม่ว่าในกรณีใด ๆ อย่า!! เปิดเผยต่อใครเด็ดขาด แม้แต่บริษัทที่ชอบด้วยกฎหมายใด ๆ และทุกคนควรรู้ไว้ว่า การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกระเป๋าเงินนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ seed เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นหากใครมาถามหา seed คุณ โปรดจงรู้ไว้เลยว่ามันคือพวกหลอกลวงหรือ Scammer
****ล่าสุด คนเขียนเพิ่งเจอกับตัวเมื่อเช้า โดยพวกหลอกลวงได้ใช้วิธีโทรเข้ามาผ่านทาง Telegram หลังจากที่เราเงียบไม่ตอบกลับข้อความของมัน 5555 (เพิ่งเคยเจอแบบนี้ครั้งแรก ปกติถ้าเราไม่ทักกลับ มันก็จะเงียบไปเอง) *****
5.การลงทุนในโครงการ ICO หลอกลวง
โครงการ ICO ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา มีทั้งที่ดีและมีทั้งที่หลอกลวง ซึ่งอย่างหลังนั้นแทบจะดูได้ยากมาก เนื่องจากในตอนแรกโครงการเหล่านี้อาจจะดูดี แต่สุดท้ายหลังจากได้เงินของคุณไป โครงการก็ไม่คืบหน้า นักพัฒนาปล่อยทิ้งไปดื้อ ๆ
ดังนั้นเพื่อให้คุณสามารถพอจะประเมินโครงการได้เหล่านี้ได้บ้าง คุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้
- เหรียญ / โทเค็น เหล่านั้น มีการกระจายหรือแจกจ่ายเหรียญอย่างไร?
- supply ส่วนใหญ่ กระจุกตัวอยู่ในมือของคนหรือบริษัทไม่กี่แห่งหรือไม่?
- จุดขายที่ไม่เหมือนใครของโครงการนี้คืออะไร ?
- มีโครงการอื่น ๆ ที่กำลังทำสิ่งเดียวกันนี้มั้ย และทำไมโครงการนี้ถึงเหนือกว่า ?
- มีใครกำลังทำงานในโครงการนี้บ้าง ทีมงานมีประวัติที่แข็งแกร่งหรือไม่?
- ชุมชนของเหรียญนี้เป็นอย่างไร โดยคุณอาจตรวจโดยการเข้าไปดูตามโซเชียลมีเดียของเหรียญนั้น ๆ ว่ายังมีคนพูดคุยอยู่หรือไม่
- โลกต้องการเหรียญ / โทเค็นนี้จริง ๆ หรือไม่?
สรุป
สุดท้าย อยากให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการหลอกลวงที่พบบ่อยที่สุดเหล่านี้ รวมถึงระมัดระวังและตรวจสอบทุกครั้งว่าคุณกำลังใช้งานเว็บไซต์ / แอปพลิเคชัน ที่เป็นของจริง และอย่าลืมว่าไม่มีการลงทุนใดที่กล้าการันตีผลตอบแทนให้คุณได้แบบ 100%
อ้างอิง : LINK